จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เผยผลงานกลุ่มบริษัทส่อแววฟื้นตัว หลังงบไตรมาส 2 ขาดทุนลดลง ขณะงบการเงินของบริษัทฯ ยังคงเข้มแข็ง ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจส่งผลให้ภาระหนี้สินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 1.28 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2ปี 59
นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ส่งสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สะท้อนให้เห็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทฯ โดยในไตรมาส 2/2559 ธุรกิจเพลงยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ และผลกำไรให้แก่กลุ่มบริษัทฯ จากการเติบโตของดิจิตอลมิวสิก และโชว์บิซ ส่วนดิจิตอลทีวีทั้งสองช่องของกลุ่มบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของเรตติ้ง และรายได้อย่างรวดเร็ว จากการวางคาแร็กเตอร์ช่องที่ชัดเจน ฐานผู้ชมขยายตัว และจากจุดแข็งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพที่เข้าถึงผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งมีการต่อยอดคอนเทนต์ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว
ขณะเดียวกัน โอชอปปิ้งซึ่งเดินทางมาครบรอบ 4 ปีแล้ว สร้างรายได้เติบโตกว่าร้อยละ 11 ในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา ถือว่าน่าพอใจในภาวะที่เศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ขณะนี้ได้วางกลยุทธ์เน้นรุกตลาด ออนไลน์ คัดสรรสินค้าคุณภาพหลากหลายจากแบรนด์ดังทั่วทุกมุมโลก เพื่อนำเสนอความแตกต่างที่คุ้มค่า จากการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการในไตรมาส 2/2559 กลุ่มบริษัทฯ มีผลขาดทุนต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อนกว่าร้อยละ 20 โดยไตรมาสนี้มีผลขาดทุนสุทธิ 109 ล้านบาท ซึ่งผลขาดทุนหลักเกิดจากธุรกิจดิจิตอลทีวียังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการประกอบกิจการดิจิตอลทีวีในประเทศไทย
สำหรับอุตสาหกรรมโฆษณาในครึ่งปีแรกนี้ ยังคงมีการใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวังตามสภาวะเศรษฐกิจ โดยในไตรมาส 2/2559 ถือเป็นช่วงโลว์ซีซัน และได้รับผลกระทบจากวันหยุดยาว อย่างไรก็ดี สื่อโทรทัศน์ยังคงเป็นสื่อหลักที่เจาะกลุ่มแมส ได้ในวงกว้าง และเป็นช่องทางที่ลูกค้าใช้งบโฆษณามากที่สุด ด้านแนวโน้มครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าเม็ดเงินโฆษณาจะฟื้นตัวดีกว่าครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการใช้จ่าย ส่งผลให้การแข่งขันชิงงบโฆษณาจะขึ้นอยู่กับรายการใหม่ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามา และการรักษาเรตติ้งของรายการเดิมไว้ ในสภาวะเช่นนี้บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ และเกิดความประหยัดสูงสุด ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสำหรับงวดไตรมาส 2/2559 ที่ผ่านมา ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 20
ด้านสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ยังคงเข้มแข็ง ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจ ส่งผลให้ภาระหนี้สินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 1.28 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2/2559