“พีทีจี เอ็นเนอยี” ผลงานไม้ 2 เด่น กวาดกำไร Q2/59 ที่ 314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.2% YOY หลังวอลุ่มขายพุ่ง 36% เดินหน้าขยายสถานีบริการทะลุ 1,500 แห่งปีนี้ ล็อกเป้า EBITDA โตมากกว่า 30% ปันผลระหว่างกาล 0.10 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 25 ส.ค.59
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 86.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 169 ล้านบาท และมีรายได้รวม 17,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,286 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 23.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 14,204 ล้านบาท โดยการเติบโตของทั้งกำไร และรายได้ เกิดจากปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็น 769 ล้านลิตร เพิ่มสูงขึ้นถึง 36% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีปริมาณการขายน้ำมันอยู่ที่ 566 ล้านลิตร ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่มากกว่าอัตราการเติบโตของการใช้น้ำมันในประเทศ เนื่องจากการขยายสถานีบริการ และการรับรู้ในแบรนด์ของสถานีบริการน้ำมัน PT ที่เพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการขายให้เพิ่มขึ้น 30-40% จากปีก่อน
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท สำหรับหุ้นสามัญจำนวน 1,670,000,000 หุ้น รวมเป็นเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานของบริษัทใน 6 เดือนแรกของปี 2559 จำนวน 167 ล้านบาท โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 สิงหาคม 2559 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล หรือ Record Date ในวันที่ 29 สิงหาคม 2559 และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น ในวันที่ 30 สิงหาคม 2559 และกำหนดจ่ายปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 9 กันยายน 2559
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายในการขยายสถานีบริการในปีนี้อีก 300 สถานี ส่งผลให้ในปีนี้จะมีสถานีบริการรวมทั้งหมดมากกว่า 1,500 สถานี และขยายสถานีแก๊สแอลพีจีอีก 50 สถานี รวมเป็นเกือบ 100 สถานี ในพื้นที่ที่มีศักยภาพให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมาย 1 อำเภอ 1 สถานีบริการ รวมถึงการเตรียมความพร้อมของ Supply Chain เพื่อรองรับการเติบโตของสถานีบริการ เพิ่มความรับรู้ และความคุ้นเคยในแบรนด์ของสถานีบริการน้ำมัน PT ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงเสริมความหลากหลาย และครบครัน เพื่อให้บริการลูกค้า และสมาชิกบัตร PT Max Card ที่จะมีไม่น้อยกว่า 5.6 ล้านราย ในปลายปี 2559 ไม่เพียงแต่การเพิ่มรายได้ในส่วนของธุรกิจหลัก บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งขององค์กร และช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะใช้งบลงทุนในปี 2559 ทั้งหมด 4,500 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขาย และการบริหาร บริษัทฯ คาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ลดลงจากประโยชน์ของ Economy of Scale ทั้งนี้ จากปัจจัยการดำเนินงานข้างต้นบริษัทฯ คาดว่า EBITDA จะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วไม่น้อยกว่า 30%
“เรามีความตั้งใจที่จะยกระดับการให้บริการที่ครอบคลุม และมีคุณภาพ รวมถึงบริการที่ได้มาตรฐานเท่าเทียมกัน ด้วยเป้าหมายในการขยายธุรกิจให้ได้ตามแผนที่วางไว้ ทั้งธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจ Non-Oil และมุ่งมั่นที่จะรักษาการเติบโตของผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามที่ตั้งไว้ จากการขยายสถานีบริการ และการเพิ่มการบริการที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองผู้บริโภคทุกกลุ่ม รวมถึงเพิ่มจำนวนสมาชิก PT Max Card อย่างต่อเนื่องเพื่อขยายฐานลูกค้า รวมถึงการเพิ่มมูลค่า และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับผู้ถือบัตรอีกด้วย” นายพิทักษ์ กล่าว