แลนด์ฯ โชว์ผลงานสวยหรูงวดไตรมาส 2 กำไรสุทธิ 2,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.36 เหตุรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 1,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.67 และกำไรจากบริษัทย่อย 682 ล้านบาท จากการขายที่ดินในไตรมาส 2 ส่วนงวดครึ่งปี ระบุมีกำไรกว่า 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.70 โดยรายได้จากการขายแรงไม่ตก โชว์ตัวเลขสูงถึง 14,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 4,000 ล้านบาท เผยตัวเลขส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมแค่ครึ่งปี ปาเข้าไปแล้ว 1,452.60 ล้านบาท
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ จำนวน 2,630.93 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 1,704.40 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 926.53 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.36 เกิดขึ้นจากในไตรมาสที่ 2 ปี 59 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 7,211.26 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการขายเท่ากับ 5,395.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,816.02 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.67
ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเท่ากับร้อยละ 35.34 ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเท่ากับร้อยละ 33.96 อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.38 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจำนวน 715.61 ล้านบาท
ในไตรมาสที่ 2 ปี 2559 บริษัทย่อยซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 55 มีกำไรจากการขายที่ดินรอการพัฒนา จำนวน 1,240 ล้านบาท เมื่อคิดตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ จะเป็นกำไรในส่วนของบริษัทฯ จำนวน 682 ล้านบาท
รายได้ค่าเช่า และค่าบริการ 567.73 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันที่มีรายได้ 489.34 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น ร้อยละ 19.31 เมื่อเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นงวดเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 44.69 ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจำนวนร้อยละ 25.38 เนื่องจากปี 2559 บริษัทฯ (โดยบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 60) ได้เช่าโรงแรม แกรนด์เซ็นเตอร์พ้อยท์ เทอมินัล 21 จากกองทรัสต์ ในขณะที่ปีก่อน โรงแรมดังกล่าวเป็นสินทรัพย์ของบริษัทย่อยดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำลง
สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 59 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 4,626.44 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,049.73 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,576.71 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 51.70 เกิดขึ้นจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ 14,227.02 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีจำนวนเท่ากับ 10,608.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3,618.07 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.10
งวดครึ่งปี บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเท่ากับร้อยละ 34.83 ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเท่ากับร้อยละ 33.20 อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ1.63 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจำนวน 1,433.02 ล้านบาท
รายได้ค่าเช่า และค่าบริการงวด 6 เดือน 1,206.12 ต้นทุน 915.92 กำไรขั้นต้น 290.20 และอัตรากำไรขั้นต้น 24.06% ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนร้อยละ 15.84 เนื่องจากปี 2559 บริษัทฯ (โดยบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 60) ได้เช่าโรงแรม แกรนด์เซ็นเตอร์พ้อยท์ เทอมินัล 21 จากกองทรัสต์ ในขณะที่ปีก่อน โรงแรมดังกล่าวเป็นสินทรัพย์ของบริษัทย่อยดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำลง
ในช่วง 6 เดือน บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมรวม 1,452.60 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันที่มีจำนวน 1,051.14 ล้านบาท.