ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 17ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์หรือคิดเป็น 1.30% ปิดที่ระดับ 1,315 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์ โดยราคาย่อตัวในช่วงแรกของสัปดาห์จากการที่ ประธานเฟดแถลงนโยบายการเงินและรายงานภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐโดยยังมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยแม้อังกฤษถอนตัวจาก EU และระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังดีดตัวขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคเพิ่มการใช้จ่าย และส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตามราคาทองปรับขึ้นอย่างรุนแรงจากแรงซื้อทองคำเพื่อลดความเสี่ยงหลังการประกาศผลการทำประชามติ Brexit เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยสหราชอาณาจักรลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งได้สร้างความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก โดยบรรดาผู้นำและสถาบันของสหภาพยุโรป(EU) จะจัดการประชุมสุดยอดในวันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ เพื่อเตรียมการสำหรับการแยกตัวออกไปของอังกฤษ ขณะที่เริ่มความกังวลว่าประเทศอื่นใน EU อาทิฝรั่งเศส,เดนมาร์ก ,โปแลนด์ และฮังการี อาจต้องการออกจาก EU เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร โดยล่าสุดสก็อตแลนด์ เผยว่ามีแนวโน้มสูงที่จะจัดทำประชามติครั้งใหม่เพื่อตัดสินว่าจะอยู่ในสหราชอาณาจักรหรือไม่ เนื่องจากสก็อตแลนด์ต้องการอยู่ใน EU ต่อไป
สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาฟื้นตัวขึ้นมาผ่านยืนเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน ด้วยการสร้างแท่งเทียน BULLISH พร้อมกับดึงให้เส้น 5 และ 10 วันปรับขึ้นตามกันสร้างแรงหนุนแนวรับขาขึ้นรอบใหม่ + ค่าสัญญาณทางเทคนิคที่ปรับขึ้น ทำให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นต่อ
สรุปแนวโน้มทองคำมีโอกาสปรับขึ้นต่อ
โดยมีแนวรับ 1280 / 1285 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์ แนวต้าน 1360 / 1365 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์