ผลการดำเนินงานของ บจ.mai ประจำไตรมาส 1 ปี 2559 กำไรสุทธิรวม 1,782 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.47% จากยอดขายรวม 31,036 ล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสแรกปี 2558 เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนบางแห่งธุรกิจมีความผันผวนสูง ระบุมีเพียง 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 120 บริษัท (จาก 122 บริษัท ไม่รวมบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนที่อยู่ในกลุ่ม NC) นำส่งผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2559 พบบริษัทที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 86 บริษัท คิดเป็น 72% ของ บจ.ที่ส่งงบการเงินทั้งหมด โดย บจ.mai มียอดขายรวม 31,036 ล้านบาท ลดลง 0.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ต้นทุนรวมอยู่ที่ 23,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.52% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 25.48% เป็น 24.24% และกำไรสุทธิรวมลดลงเป็น 1,782 ล้านบาท หรือลดลง 431 ล้านบาท หรือ 19.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“กำไรสุทธิของ บจ.mai ในไตรมาส 1 ปี 2559 ปรับตัวลดลง เนื่องจากมีบาง บจ.ที่มีลักษณะธุรกิจที่มีความผันผวนของผลประกอบการสูง ทำให้เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกำไรสุทธิรวมปรับตัวลดลง แต่หากพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรมจะพบว่า 7 ใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมยังคงมีกำไรสุทธิ ซึ่งในจำนวนนี้มี 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิรวมเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มทรัพยากร นอกจากนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการบริโภคภาคประชาชนจากยอดขาย และกำไรสุทธิของ บจ.ในกลุ่มธุรกิจอาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภค สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเริ่มมีการรับรู้รายได้จากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี มีบาง บจ.ที่ยังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างธุรกิจซึ่งยังคงต้องติดตามต่อไป” นายประพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ หากพิจารณาย้อนหลัง 4 ไตรมาส (ไตรมาส 2 ปี 2558-ไตรมาส 1 ปี 2559) พบ บจ.mai ถึง 50 บจ.ที่มีกำไรต่อเนื่องทั้ง 4 ไตรมาส ในจำนวนนี้มี 4 บจ.ที่มีกำไรสุทธิเติบโตทุกไตรมาส ได้แก่ บมจ.ลีซ อิท (LIT) บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) บมจ.ซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล (CPR) และ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART)
ปัจจุบันมี บจ.ใน mai 126 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2559) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 521.24 จุด ลดลง 0.26% จากต้นปี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 328,498.04 ล้านบาท อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 62.29 เท่า มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 1,515.08 ล้านบาทต่อวัน