xs
xsm
sm
md
lg

TACC แตกไลน์ขายซานริโอ้ ตั้งเป้ายอดขาย 3 ปีโตแตะ 3 พันล้านบาท (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC)
ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ เผยลงนามซื้อลิขสิทธิ์ซานริโอ้จากญี่ปุ่นเจาะกลุ่มวัยรุ่น พร้อมชี้ภาพรวมธุรกิจปี 2559 เล็งขยายการลงทุนเพิ่มเจาะกลุ่มเครื่องดื่มเอกลักษณ์ไทย เช่น ทุเรียน และมะม่วงพร้อมดื่ม เจาะตลาดจีน ตั้งเป้ารายได้เติบโตในอีก 3 ปีข้างหน้าไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท



นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามในสัญญาอนุญาตให้ใช้ช่วงสิทธิเครื่องหมายการค้า (Merchandise Sub-License Agreement) กับ Sanrio Wave Hong kong Co.,Ltd โดยได้รับสิทธิในการผลิตและจำหน่ายสินค้าโดยใช้ตัวการ์ตูน 5 คาแร็กเตอร์ ประกอบด้วย Hello Kitty, My Melody, Kerokerokerppi, Pompompurin และ Bad badtzmaru ในประเทศไทย ผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซึ่งสินค้าที่บริษัทฯ ได้รับสิทธิครอบคลุมสินค้า 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ Stationary, Non-Food เช่น ถ้วย กระเป๋าใส่เหรียญ พวงกุญแจ, Cosmetic,Beverage, Processed Food

ทั้งนี้ สัญญาเบื้องต้นมีระยะเวลา 5 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2559 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจนอกกลุ่มเครื่องดื่มราว 55-60 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 5% ของรายได้รวม และภายใน 3-5 ปี คาดจะมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 20% ขณะที่วางงบลงทุนดังกล่าวไว้ 20-30 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้หลังจากที่บริษัทได้ซื้อไลน์เซนส์กับ Sanrico Wave Hong Kong Co., Ltd ได้มีบริษัทเข้ามาขอซื้อไลน์เซนส์ผลิตภัณฑ์เพื่อไปจำหน่ายต่อประมาณ 3 ราย ซึ่งส่งผลดีต่อมาร์จิ้นค่อนข้างดี ทั้งผ่านการจำหน่ายสินค้าด้วยตนเอง และผ่านการขายไลน์เซนส์ให้แก่ลูกค้าที่สนใจที่เป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายต่อไป

“เหตุผลที่บริษัทฯ มีการแตกไลน์ธุรกิจมาสู่ธุรกิจนอกกลุ่มเครื่องดื่ม เนื่องจากมองการเติบโตในอนาคตที่อยากให้ธุรกิจมีรายได้จากหลายๆ ทาง และกระจายความเสี่ยงออกไปนอกเหนือจากธุรกิจเดิม รวมถึงเป็นการเพิ่มแหล่งรายได้เข้ามา โดยคาดหวังรายได้จากกลุ่มดังกล่าวในช่วงแรก 5 เดือนนี้ จะสามารถทำได้ 60-70 ล้านบาท และมองว่า กลุ่มที่จะได้รับการตอบรับที่ดี และเป็นตัวทำรายได้ คือ สินค้าคอสเมติก หรือเครื่องสำอาง จากสินค้าทั้งหมดที่เราจะวางจำหน่ายทั้งสิ้น 200 ประเภทชนิดสินค้า”

ขณะที่ธุรกิจการขายเครื่องดื่มผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ และเครื่องดื่มร้อน ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หรือคิดเป็น 1,150 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 1,006.36 ล้านบาท จากสินค้าผงชง และเครื่องดื่ม เข้าสู่ช่วงไฮซีซันส่งผลต่อยอดขายที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังเชื่อว่า เศรษฐกิจจะเริ่มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/2559 ที่ผ่านมา ถือว่าออกมาเกินกว่าเป้าหมายกำหนด และดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และดีกว่าช่วงไตรมาส 4/2558

พร้อมกันนี้ ยังเพิ่มจุดจำหน่ายเครื่องกดเครื่องดื่มอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง โดยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/2559 ที่ผ่านมา มีจุดจำหน่ายอยู่ทั้งสิ้น 100 สาขา จากเป้าหมายทั้งปีวางไว้ 750 สาขา จากปีก่อนมีเพียง 10 สาขา และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มพร้อมชงในโซนกาแฟสด (All Cafe) ของร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ปัจจุบันเพิ่มเป็น 2,500 จุด จากปีก่อนหน้าที่มีเพียง 1,000 จุด

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายในปี 2563 จะมีรายได้แตะ 2,000-3,000 ล้านบาท จากการสร้างการเติบโตทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จากสัดส่วนรายได้ปัจจุบันที่มาจากในประเทศ 85% และต่างประเทศ 15% โดยปีนี้คาดว่ารายได้จากต่างประเทศน่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17-20% ซึ่งบริษัทฯ มีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสินค้าชาเขียว แบรนด์เซนย่า ในประเทศกัมพูชา จากที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี และผู้บริโภคมีความมั่นใจในแบรนด์สินค้า ส่วนในประเทศจีน ก็อยู่ระหว่างการรอนุมัติสิทธิบัตรอาหารและยา ซึ่งคาดว่าจะได้รับสิทธิบัตรดังกล่าวในช่วงไตรมาส 2/2559 โดยเป็นการขายสินค้าโดยตรง (B2C) จะเป็นการนำสินค้านมทุเรียนผสมเนื้อทุเรียน และนมมะม่วง เข้าไปเจาะตลาด รวมถึงกระจายสินค้าเครื่องดื่มไปยังประเทศออสเตรเลีย ผ่านร้านอาหารไทย ที่ปัจจุบันวางจำหน่ายแล้วประมาณ 60 แห่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น