xs
xsm
sm
md
lg

“บางกอกชีทเม็ททัล” เตรียมเปิดขายไอพีโอ เล็งเข้าเทรดในเดือน พ.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“บางกอกชีทเม็ททัล” เตรียมเปิดขายไอพีโอ เล็งเข้าเทรดในเดือน พ.ค.นี้ เผยแผนระดมทุนเพิ่มกำลังการผลิต

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า BM นั้นจะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในราวเดือน พ.ค.59 หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลของบริษัทไปแล้วเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา

ด้าน นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ BM เปิดเผยว่า บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อจะนำเงินไปใช้ในการก่อสร้างโรงงานหลังที่ 2 และลงทุนในเครื่องจักรต่างๆ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต สำหรับรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น สินค้า และเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งชำระคืนเงินกู้ โดยแผนการปรับปรุงโรงงานใหม่หลังที่ 1 อยู่ระหว่างการสั่งซื้อ และติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติม มูลค่าการลงทุนราว 30 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มผลิตอย่างเต็มที่ภายในไตรมาส 3/59

ส่วนการสร้างโรงงานแห่งใหม่หลังที่ 2 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 4/59 และสามารถเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป พื้นที่ประมาณ 5,000 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน 65 ล้านบาท และเครื่องจักร รวมทั้งยานพาหนะอีก 52 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังจะมีการปรับปรุงพื้นที่โรงงานเดิมเพื่อใช้ก่อสร้างอาคารขนาดเล็ก และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/59 ในส่วนนี้จะใช้แหล่งเงินทุนจากการเสนอขายหุ้น IPO

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนลงทุนเพื่อขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะรักษาระดับการเติบโตเช่นเดียวกับปีที่ผ่านๆ มาที่เติบโตในระดับ 15-20% จากปี 58 ที่มีรายได้จากการขายสินค้ารวม 794.50 ล้านบาท เพราะแม้ว่าบางปีจะเกิดปัญหาต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และมีความไม่สงบทางการเมือง แต่บริษัทก็ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้มีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจไปในหลายผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะการร่วมมือกับสยามคูโบต้า เพื่อผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกลเกษตร คือ รถเกี่ยวนวดข้าว ที่เชื่อว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านกำไรสุทธิในช่วงปี 55-58 กำไรสุทธิ (CAGR) เติบโตถึง 58.13% อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 13.22% ในปี 55 มาเป็น 22.22% ในปี 58 และอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นจาก 2.52% เป็น 8.40% ขณะที่สินทรัพย์รวมเพิ่มจาก 498.52 ล้านบาท เป็น 640.55 ล้านบาท ส่วนหนี้สินรวม ณ สิ้นปี 58 อยู่ที่ 357.47 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้การค้า และทุนหมุนเวียน

โดยในปีนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนธุรกิจของบริษัทเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เชื่อว่าสินค้าของบริษัทจะมีส่วนเข้าร่วมด้วย ทั้งรถไฟฟ้าทุกสายที่จะต้องใช้รางร้อยสายไฟ และตู้โลหะ รถไฟความเร็วสูงที่จะต้องมีระบบไฟฟ้าเช่นกัน และงานขยายสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมืองที่จะเป็นโอกาสของราง และท่อร้อยสายไฟ ตู้คอนโทรล และงานเหล็กอื่นๆ เป็นต้น ขณะที่การลงทุนด้านโทรคมนาคมทั้งการติดตั้งเสา และอุปกรณ์ใหม่เพื่อรองรับระบบ 4G และขยาย 3G ที่จะเพิ่มยอดคำสั่งซื้อตู้สื่อสาร รวมถึงการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนต่างๆ

สำหรับปัจจุบัน บริษัทยังมีรายได้หลักมาจากกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องต่อการก่อสร้าง ได้แก่ รางและท่อร้อยสายไฟฟ้า แต่ในอนาคตจะมีการปรับเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มชิ้นส่วนโลหะสูงขึ้นมาในระดับใกล้เคียงกันที่ 50% จากปีก่อนอยู่ที่ 25.57% หลังจากมีความร่วมมือกับสยามคูโบต้า ที่น่าจะมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายตลาดเครื่องจักรกลเกษตรในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่รายได้ในกลุ่มอื่นๆ ก็ยังมีศักยภาพการเติบโต ทั้งการขายโลหะเชื่อมประกอบ แม่พิมพ์โลหะ เครื่องมือ และอุปกรณ์ ตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า และตู้โลหะ รวมทั้งแผงควบคุมไฟฟ้า และโคมไฟฟ้า

“เครื่องจักรกลเกษตรแม้ว่าในประเทศจะมีภัยแล้งทำให้เติบโตได้ไม่ดีนัก แต่พม่า เขมร ลาว ยังมีความต้องการมาก และน่าจะเติบโตได้มากในช่วงปี 59-60 ส่วนหนึ่งก็ได้รับผลดีจากการเกิด AEC ด้วย” นายธีรวัต กล่าว

อนึ่ง BM ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก ได้แก่ รางเดินสายไฟฟ้า ตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า ตู้โลหะตู้ควบคุมไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ขึ้นรูปจากโลหะอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้า และเป็นผู้จำหน่ายท่อร้อยสายไฟฟ้าภายใต้ตราสินค้า BSM, BM, BS และ BEST ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 200,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 150,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 300,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น