โบรกฯ เผยหุ้นบ่ายร่วงหนักกว่า 24 จุด ต่อเนื่องจากช่วงเช้า เป็นผลจาก 3 เรื่องใหญ่ ทั้งแบงก์ พลังงาน และสื่อสาร โดยมองว่าแรงขายที่เกิดขึ้นได้ซึมซับปัจจัยลบไปมากแล้ว เพียงแต่ภาพรวมตลาดฯ ยังขาดปัจจัยหนุน และตลาดฯ จะปิดทำการระยะยาวในอีกไม่กี่วันข้างหน้าด้วย ทำให้นักลงทุนอาจเลือกที่จะชะลอการลงทุนก่อน ล่าสุดปิดร่วง 26 จุด
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวลงกว่า 20 จุด ต่อเนื่องจากช่วงเช้า เป็นผลจาก 3 เรื่องใหญ่ อย่างแรก กลุ่มแบงก์ มีประเด็นลบจาก SCB, KBANK, TMB, KTB ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ทำให้เกิดความกังวลว่า แบงก์อื่นจะปรับลดตาม ซึ่งการปรับลดในครั้งนี้เป็นการปรับลดแต่เฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้ไปกระทบ NIM และคาดว่าจะกระทบผลประกอบการงวดไตรมาส 2/59 ด้วย โดยทางฝ่ายวิจัยประเมินกระทบ EPS กลุ่มแบงก์ประมาณ 3-6% จากที่ประมาณการไว้เดิม
ดังนั้น จึงได้หลีกเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ไปก่อน แต่เชื่อว่าแบงก์ขนาดกลางจะไม่รับผลกระทบมากนัก นอกจากนี้ ได้มีการทำ Preview กลุ่มแบงก์งวดไตรมาส 1/59 ออกมาแล้วก็ไม่ค่อยดีเท่าไร
เรื่องที่ 2 มาจากกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลง รับผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงจากความกังวลผู้ผลิตน้ำมันไม่สามารถตกลงกันได้ และเริ่มออกจากฤดูหนาวแล้ว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันน้อยลง ส่วนเรื่องที่ 3 มาจากกลุ่มสื่อสาร ที่ได้รับแรงกดดันจากที่ ADVANC ได้เสนอที่จะซื้อคลื่น 900 MHz ซึ่งมีราคาที่สูง
อย่างไรก็ดี มองว่าแรงขายที่เกิดขึ้นได้ซึมซับปัจจัยลบไปมากแล้ว เพียงแต่ภาพรวมตลาดฯ ยังขาดปัจจัยหนุน และตลาดฯ จะปิดทำการระยะยาวในอีกไม่กี่วันข้างหน้าด้วย ทำให้นักลงทุนอาจเลือกที่จะชะลอการลงทุนก่อน
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียมีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปรับตัวลงมากกว่าตลาดอื่น พร้อมให้แนวรับ 1,378 จุด ส่วนแนวต้าน 1,386 จุด
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.22 น. ดัชนีปรับลงไปที่ระดับ 1,376.26 จุด ลดลง 24.01 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.71% มูลค่าการซื้อขาย 46,769.23 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,373.59 จุด ลดลง 26.68 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.91% มูลค่าการซื้อขาย 52,966.26 ล้านบาท