โลหะกิจ เม็ททอล ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 3.4 พันล้านบาท ผลดีจากอุตสาหกรรมก่อสร้างที่มีแนวโน้มเติบโตจากการกระตุ้นของภาครัฐ เน้นรักษาอัตรากำไรสุทธิ และเพิ่มยอดขายคุมต้นทุน เผยอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าซื้อกิจการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) หรือ LHK เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้งวดปี 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) เติบโต 5% จากปี 58/59 (เม.ย.58-มี.ค.60) ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท การเติบโตส่วนใหญ่ในปีนี้จะได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมก่อสร้างที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากการกระตุ้นของภาครัฐ และแนวโน้มของตลาดรถยนต์ที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเป้าหมายยอดผลิตรถยนต์ในปี 59 อยู่ที่ 2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 58 ที่ 1.9 ล้านคัน ซึ่งรายได้ของทั้ง 2 กลุ่ม เป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท โดยกลุ่มก่อสร้างมีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มก่อสร้าง 23% และกลุ่มรถยนต์อยู่ที่ 32%
นอกจากนี้ ในงวดปีนี้บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิให้กลับมาอยู่ที่ระดับ 4% จากงวดปีก่อนลดลงไปอยู่ที่ 3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับในงวดปี 59/60 บริษัทไม่มีการลงทุนใดๆ ทำให้ค่าใช้จ่ายมีน้อย
นายประสาน กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในบริษัทที่เกี่ยวข้องต่อธุรกิจหลักที่อยู่ภายในประเทศ มูลค่าไม่เกิน 1 พันล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างการมองหาโอกาสที่จะเข้าไปซื้อบริษัทที่จะสามารถเข้าไปแก้ปัญหาได้ และสามารถเสริมศักยภาพได้
“บริษัทยังมองหาโอกาสอยู่เรื่อย และปัจจุบันยังไม่ได้มีการพูดคุยกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการเข้าซื้อกิจการเกิดขึ้นจริงบริษัทยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้สูง เนื่องจากมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.5 เท่า” นายประสาน กล่าว
นายประสาน อัครพงศ์พิศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) หรือ LHK เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้งวดปี 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) เติบโต 5% จากปี 58/59 (เม.ย.58-มี.ค.60) ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท การเติบโตส่วนใหญ่ในปีนี้จะได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมก่อสร้างที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากการกระตุ้นของภาครัฐ และแนวโน้มของตลาดรถยนต์ที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเป้าหมายยอดผลิตรถยนต์ในปี 59 อยู่ที่ 2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 58 ที่ 1.9 ล้านคัน ซึ่งรายได้ของทั้ง 2 กลุ่ม เป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท โดยกลุ่มก่อสร้างมีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มก่อสร้าง 23% และกลุ่มรถยนต์อยู่ที่ 32%
นอกจากนี้ ในงวดปีนี้บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิให้กลับมาอยู่ที่ระดับ 4% จากงวดปีก่อนลดลงไปอยู่ที่ 3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับในงวดปี 59/60 บริษัทไม่มีการลงทุนใดๆ ทำให้ค่าใช้จ่ายมีน้อย
นายประสาน กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในบริษัทที่เกี่ยวข้องต่อธุรกิจหลักที่อยู่ภายในประเทศ มูลค่าไม่เกิน 1 พันล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างการมองหาโอกาสที่จะเข้าไปซื้อบริษัทที่จะสามารถเข้าไปแก้ปัญหาได้ และสามารถเสริมศักยภาพได้
“บริษัทยังมองหาโอกาสอยู่เรื่อย และปัจจุบันยังไม่ได้มีการพูดคุยกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการเข้าซื้อกิจการเกิดขึ้นจริงบริษัทยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้สูง เนื่องจากมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.5 เท่า” นายประสาน กล่าว