xs
xsm
sm
md
lg

“CKP” ฟันกำไรปี 58 กว่า 321 ล้านบาท จ่อรุกธุรกิจพลังงานเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP
ซีเค พาวเวอร์ เผยผลประกอบการปี 2558 ฟันกำไรกว่า 321 ล้านบาท เตรียมทำโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มในกลุ่มประเทศเออีซี

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP กล่าวว่า ในปี 2558 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 321 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 107 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50 สาเหตุหลักมาจากรายได้เงินปันผลรับที่เพิ่มขึ้น โดยปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด เริ่มจ่ายเงินปันผล ซึ่งเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนของบริษัท ซึ่งรายได้จากเงินปันผลนี้นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งเงินเพื่อการลงทุนในอนาคตแล้ว บริษัทฯ ยังสามารถจัดสรรเงินบางส่วนเพื่อจ่ายปันผลต่อให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วย

ทั้งนี้ CKP และบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานในปี 2558 เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่ากำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นจะลดลงเหลือ 412 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 ที่ทำได้ 472 ล้านบาท

สำหรับรายได้ในปี 2558 นั้น บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 6,850.69 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้านี้ 176.67 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำ 6,696.51 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 97.75 ของรายได้รวม แบ่งเป็นรายได้จากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ 3,883.15 ล้านบาท รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าระบบ Cogeneration 2,654.89 ล้านบาท และรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 158.47 ล้านบาท ส่วนสินทรัพย์รวมปี 2558 มีจำนวน 54,566 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ 5,239 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 สาเหตุจากการลงทุนเพิ่มในบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL)

นอกจากนี้ หนี้สินรวมก็ยังลดลงจากปี 2557 จำนวน 470 ล้านบาท เหลือ 22,754 ล้านบาท เพราะบริษัทได้ชำระคืนเงินกู้ยืม ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 31,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5,709 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญจากการที่บริษัทเพิ่มทุน จำนวน 1,870 ล้านหุ้น ในปี 2558 เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ซึ่งบริษัทได้ใช้เงินดังกล่าวในการเข้าซื้อหุ้นใน XPCL สัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน มีมูลค่ารวมประมาณ 4,344 ล้านบาท ซึ่ง XPCL เป็นเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ขนาดกำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวความคืบหน้าในการก่อสร้างเกือบร้อยละ 60 บริษัทมั่นใจว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จตามแผนในปี 2562 และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน เมื่อโครงการดังกล่าวดำเนินการเชิงพาณิชย์นั้นจะเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงเพิ่มเติมให้แก่บริษัทนอกเหนือจากโครงการต่างๆ ของบริษัทที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วในปัจจุบันนี้

ส่วนโครงการอื่นที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง คือ โครงการโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าประเภทเอสพีพี ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วตั้งแต่ต้นปี 2558 ขณะนี้มีความก้าวหน้ากว่า 20% และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนในกลางช่วงปี 2560

“ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพหลายโครงการ ทั้งภายในประเทศไทย สปป.ลาว และสหภาพพม่า โดยบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นร้อยละ 100 คือ บริษัท ซีเคพี โซล่าร์ จำกัด เป็นผู้ผ่านคุณสมบัติที่จะยื่นเสนอขายไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ภายใต้ประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่องการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร พ.ศ.2558 ด้วย”
กำลังโหลดความคิดเห็น