“เอ็มเพอเร่อร์” ประเมินตลาดสร้างบ้านเองแนวโน้มขยายตัวลดลง คาดหดตัวลง 5-10% เหตุภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รวมถึงผู้ประกอบการอสังหาฯ แข่งขันออกโปรโมชันดูดลูกค้าไป เผยลูกค้าตลาดบนระดับ 50 ล้านบาทขึ้นไปไม่ค่อยกระทบ ระบุปี 59 มูลค่างานน่าจะเกิน 400 ล้านบาท อยู่ระหว่างเจรจา 2-3 ราย มูลค่ารวมพร้อมตกแต่งเกิน 500 ล้านบาท พร้อมจ่อดีลกับลูกค้าใน สปป.ลาว พม่า และกัมพูชา
นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด ในกลุ่มรับสร้างบ้านระดับราคา 50 ล้านบาทขึ้นไป กล่าวยอมรับว่า ตลาดรับสร้างบ้านอ่อนไหวตามเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย และเมื่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงรับสร้างบ้านจะค่อยๆ ตก แต่หากแยกตลาดแล้วจะพบว่า กลุ่มระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจที่แย่ ซึ่งลูกค้าในกลุ่มนี้จะทำงานในบริษัทเอกชน และทำธุรกิจเล็กๆ โดยตามข้อมูลที่ได้วิเคราะห์ และประเมินพบว่า ในปี 2558 มูลค่ารวมของตลาดบ้านสร้างเองประมาณ 57,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับแรงหนุนจากผลเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาที่ตลาดบ้านสร้างเองเติบโตขึ้น ในขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถเข้าไปมีส่วนแบ่งตลาด (แชร์) เพียง 11,500 ล้านบาท หรือแค่ 20% เท่านั้น โดยบริษัทรับสร้างในสมาคมรับสร้างบ้านมีแชร์ในตลาดบ้านเอง 13% มูลค่าประมาณ 7,400 ล้านบาท และบริษัทรับสร้างบ้านที่ไม่ได้อยู่ในสมาคม 7% ประมาณ 4,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าธุรกิจรับสร้างบ้านยังสามารถเติบโตได้อีกมาก หากผู้บริโภคให้การยอมรับในราคา การออกแบบ มาตรฐานการก่อสร้าง และที่สำคัญคือ ความน่าเชื่อถือของตัวผู้ประกอบการ
“ปี 59 คาดว่าตลาดรับสร้างบ้านโดยรวมจะหดตัวลงประมาณ 5-10% เนื่องจากภาพรวมทางเศรษฐกิจที่คาดว่าน่าจะเพิ่งฟื้นตัว รวมถึงการแข่งขันออกโปรโมชันในธุรกิจอสังหาฯ อื่นๆ ที่เป็นตัวที่แย่งตลาดในกลุ่มบ้านสร้างเองอีกส่วนหนึ่ง คาดว่าตลาดบ้านสร้างเองในปีนี้จะมีมูลค่าลดลงมาอยู่ที่ 51,300 ล้านบาท”
นายสุรัตน์ชัย กล่าวถึงทิศทางของ “เอ็มเพอเร่อร์” ในปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องถึงปี 59 ว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทเติบโตได้ 10% มีมูลค่า 382 ล้านบาท คิดเป็น 57% ของตลาดรับสร้างบ้านมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท ที่เหลือเป็นบริษัทอื่นๆ อีก 288 ล้านบาท คิดเป็น 43% และคาดว่าปี 59 น่าจะเกิน 400 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังไม่นับรวมงานสร้างบ้านให้ลูกค้าใน สปป.ลาว (ทำธุรกิจวัสดุก่อสร้าง) มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทฯ เตรียมส่งมอบบ้านอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
“ต้นปี 59 มีลูกค้าที่อยู่ระหว่างเจรจาประมาณ 2-3 ราย มูลค่าทั้งหมดทั้งก่อสร้าง และตกแต่งรวมไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท โดยงานก่อสร้าง และตกแต่งบ้านที่อยู่ระหว่างการดำเนินการมี 8 หลัง ซึ่ง 5 หลังแรกอยู่ในกรุงเทพฯ เช่น ลูกค้าที่ทำธุรกิจโรงงานน้ำแข็งย่านงามวงศ์วาน ได้ก่อสร้างบ้านพร้อมตกแต่งมูลค่า 200 ล้านบาท ซึ่งผ่านกระบวนการการทำงานแบบบูรณาการ ถือเป็นรายแรก และรายเดียวที่ใช้มาตรฐานระดับนี้ และลูกค้าที่ทำธุรกิจหลากหลายย่านถนนแจ้งวัฒนะ ก่อสร้างบ้านบนที่ดิน 5 ไร่ มูลค่ารวมเกือบ 200 ล้านบาท เป็นต้น ส่วน 3 หลังอยู่ต่างจังหวัด คือ ในจังหวัดสุโขทัย ใกล้เสร็จเรียบร้อย ราคาก่อสร้าง และตกแต่งคาดเกิน 320 ล้านบาท ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ใกล้เสร็จแล้ว มูลค่ารวม 100 ล้านบาท และที่จังหวัดมุกดาหาร อยู่ระหว่างออกแบบ แต่หากรวมตกแต่งน่าจะเกิน 100 ล้านบาท”
สำหรับการเติบโตในระดับภูมิภาค หรือระดับ AEC ของเอ็มเพอเร่อร์นั้น มีลูกค้าใน สปป.ลาวเข้ามาพูดคุย รวมถึงลูกค้าในประเทศพม่า (ทำธุรกิจค้าไม้) และกัมพูชา (คาดเป็นการออกแบบบ้าน) ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วประเทศเหล่านี้มีศักยภาพในการสร้างบ้านในระดับราคาเกิน 100 ล้านบาท เรียกว่าทางบริษัทจับกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อจริงๆ แต่กระนั้นการเข้าไปสร้างบ้านในต่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะมีต้นทุนคงที่สูง หากคุ้มต้นทุนที่จะลงทุนไปเราจะตัดสินใจไป