“สาลี่ คัลเล่อร์” กางแผนธุรกิจในปี 2559 ตั้งเป้ารายได้โต 7-8% เดินหน้าเก็บงานประมูลอย่างต่อเนื่อง ระบุปัจจุบันมีออเดอร์รอส่งมอบแล้ว มูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท เตรียมทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/59 พร้อมมุ่งเน้นรักษาส่วนแบ่งการตลาดหลักภายในประเทศ ขยายตลาดในอาเซียน-ออสเตรเลีย-ยุโรป ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถแข่งขันในเชิงต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
นายขวัญชัย ณัฎฐ์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) หรือ COLOR เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2559 เติบโตประมาณ 7-8% จากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เดินหน้าเก็บงานประมูลอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อระยะยาวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2559
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งรักษาส่วนแบ่งการตลาดหลักภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20-25% ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งในอาเซียน ออสเตรเลีย และยุโรป โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีนี้จะอยู่ที่ 20% จากปีก่อนที่คาดมีสัดส่วนอยู่ที่ 17%
พร้อมปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้สามารถแข่งขันเชิงต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น และด้วยกลยุทธ์ด้านราคาถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะสามารถสร้างความเติบโตแบบเชิงรุกได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นหนทางสู่โอกาสในการขยายกำลังการผลิตในอนาคตอีกด้วย ด้านโครงการพัฒนาธุรกิจร่วมกันกับคู่ค้ามีแนวโน้มจะเติบโตรับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ
“แผนธุรกิจในปีนี้นั้นเราจะเร่งพัฒนาธุรกิจที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในรายเครื่องจักรที่ยังมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ยังต่ำอยู่ โดยตั้งเป้าหมายให้มีอัตราการใช้กำลังการผลิตรวมไม่ต่ำกว่า 70% พร้อมกับมุ่งพัฒนาสินค้าคุณภาพ และเน้นประสิทธิภาพการทำงาน ประสานความร่วมมือกับคู่ค้ารายหลัก ผู้ผลิตเม็ดพลาสติก ตลอดจนผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์หีบห่อบรรจุภัณฑ์ทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ” นายขวัญชัย กล่าว
ทั้งนี้ ประเมินว่าอุตสาหกรรมพลาสติกในปีนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราเทียบเท่ากับจีดีพีของประเทศที่คาดเติบโต 2-3% ซึ่งเมื่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าอุปโภคบริโภคมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้น จะส่งผลต่อคำสั่งซื้อที่จะเข้ามาอย่างสม่ำเสมอมากขึ้นในปี 59 ขณะที่มองว่าการเปิด AEC จะส่งผลให้ขนาดของตลาดผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นอย่างไร้พรมแดน มีการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรี และรุนแรง สินค้าที่มีมาตรฐาน และได้ประสิทธิภาพจึงจะสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้ เงื่อนไข และกลยุทธ์ทางธุรกิจจะนำพามาซึ่งความพึงพอใจ และให้โอกาสทางเลือกต่อธุรกิจแบบยั่งยืน