xs
xsm
sm
md
lg

เบิกจ่ายงบตามแผนกระตุ้น ศก.ระยะ 2 ฉลุย คาดมีส่วนดันจีดีพีโตถึง 3%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สบน.เผยเบิกจ่ายงบตามแผนกระตุ้น ศก.ระยะ 2 ฉลุย คาดสิ้นเดือน ธ.ค.จะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ เชื่อมีส่วนดัน GDP ปีนี้เติบโตได้ 3% และเป็นแรงส่งในปีหน้าด้วย ส่วนพันธบัตรออมทรัพย์ 5 หมื่นล้าน ล่าสุด ขายรายย่อยได้แล้ว 86% ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี

นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเบิกจ่ายวงเงินตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ในโครงการน้ำและถนน วงเงิน 7.8 หมื่นล้านบาท โดยระบุว่า มีแนวโน้มที่ดีมาก โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือน ธ.ค.58 นี้ จะสามารถเบิกจ่ายได้ 3.8 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.0-3.5 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสุดท้ายของปี และอาจช่วยทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้เติบโตได้ถึง 3% และยังเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้าด้วย

ส่วนความคืบหน้าในการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ที่เปิดจำหน่ายตั้งแต่ 19 ต.ค.58-29 ก.พ.59 นั้น พบว่า ยอดการจำหน่าย ณ วันที่ 18 ธ.ค.58 อยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 86% ของวงเงินที่จำหน่าย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี โดยระยะเวลาการจำหน่ายที่กำหนดไว้ค่อนข้างนานนั้น เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักเพื่อรองรับรายย่อยมากกว่า และไม่ได้เปิดจำหน่ายให้รายใหญ่แต่อย่างใด

รองผู้อำนวยการ สบน. ยังกล่าวถึงกรณีบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Standard and Poor’s (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยไว้ที่ BBB+ นั้น ถือว่ายังอยู่ในระดับเดียวกับที่ได้รับการจัดอันดับในปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยบวกน่าจะมาจากภาคต่างประเทศของไทยที่แข็งแกร่ง เงินทุนสำรองที่อยู่ในระดับสูง สภาพคล่องจากเงินตราต่างประเทศแข็งแกร่ง สามารถรองรับภาวการณ์ไหลเข้าออกของเงินทุนได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังมีจุดอ่อนซึ่งเป็นปัญหาเดิม คือ การเมืองที่ถือว่าหลีกเลี่ยงได้ยาก รวมถึงปัญหาในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจที่ไทยยังไม่สามารถขยับจากการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เป็นประเทศที่มีรายได้สูงได้

“เรื่องปัญหาเชิงโครงสร้างคงต้องใช้เวลาสักระยะในการใช้นโยบายการคลังในการแก้ปัญหา ซึ่งต้องเป็นการปฏิรูปเพื่อทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีที่มั่นคง และสามารถรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตได้” นายธีรัชย์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น