ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองจีดีพีปีหน้าโต 3% ขยายตัวเล็กน้อยจากปีนี้ เหตุภาคการลงทุนของรัฐน่าขับเคลื่อนได้เต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงหลักให้น้ำหนักต่างประเทศ จับตาเศรษฐกิจจีนชะลอตัว เฟดขึ้นดอกเบี้ย
น.ส.พิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะเติบโตได้ดีกว่าในปีนี้ โดยคาดการณ์จีดีพีโต 3% หรืออยู่ในกรอบ 2.5-3.5% จากปีนี้ที่คาดการณ์ในระดับ 2.8% จากแรงขับเคลื่อนหลักของโครงการภาครัฐทั้งขนาดเล็ก และใหญ่ที่ทยอยออกมา และจะนำพาไปสู่การลงทุนภาคเอกชนตามมาในระดับการเติบโตที่ 7.9% และ 3.9% ตามลำดับ จากปีนี้ที่คาดการณ์ไว้ 22.5% และ -1.7% รวมถึงภาคการส่งออกที่จะดีขึ้น คือ อยู่ในระดับที่ทรงตัว หรือเป็นบวกเล็กน้อยจากปีนี้คาดการณ์ไว้ -5%
“ในปีนี้แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีเพียงการลงทุนภาครัฐ กับการท่องเที่ยว ซึ่ง 2 อย่างนี้ดันจีดีพีเติบโตได้ 2.9% หมายถึงว่าหากมีไม่มี 2 ส่วนนี้จีดีพีจะติดลบเล็กน้อย แต่ในปีนี้แรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจจะมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งภาคการลงทุนของเอกชนที่เพิ่มขึ้นตามการลงทุนของภาครัฐ และการส่งออกที่ไม่น่าจะติดลบมากเหมือนกับปีนี้ เป็นต้น ซึ่งน่าจะเห็นผลชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี โดยคาดว่าครึ่งปีแรกเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 2.9% และครึ่งปีหลัง 3.2%”
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงในปีหน้าจะให้น้ำหนักในส่วนของต่างประเทศมากกว่า โดยเฉพาะการชะลอของเศรษฐกิจจีนที่แรงกว่าที่คาด รวมถึงเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่หลังเฟดทยอยขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินค่าเงินบาทที่ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปลายปีหน้า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ และปัญหาการก่อการร้าย ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศเป็นกรณีของภัยแล้งที่รุนแรง และยาวนานกว่าที่คาด และประเด็นทางการเมืองในประเทศ
ชี้กลุ่มสุขภาพ-ไอทีรุ่ง
น.ส.เกวลิน หวังพชญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจในปีหน้านั้น โดยสรุปภาคธุรกิจที่ยังต้องเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มประมง ที่ยังได้รับแรงกดดันจากตลาดโลก รวมถึงผลจาก GSP, IUU และ Tier 3 กลุ่มปิโตรเคมี ที่ถูกกดจากราคาน้ำมันที่ต่ำ กลุ่มรถยนต์ ที่ยังได้รับผลกระทบด้านกำลังซื้อที่ลดลงจากหนี้ครัวเรือนที่สูง และโครงการรถยนต์คันแรก และกลุ่มค้าปลีก ที่มีการแข่งขันที่รุนแรง
ส่วนภาคธุรกิจที่น่าจะประคองการขยายตัวได้ เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัย ที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นของรัฐ แต่ในส่วนของโครงการใหม่ยังต้องระวัง และกลุ่มโรงแรม ที่ยังได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ดี ขณะที่ภาคธุรกิจที่มีแนวโน้มดี ได้แก่ กลุ่มสุขภาพ และไอที
เอสเอ็มอี-รายย่อยยังซบ
น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า ในส่วนของภาคการเงินในปีหน้านั้น จากแนวโน้มความต้องการเงินลงทุนของทั้งภาครัฐ และเอกชนที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวเพิ่มเป็น 5% หรือในกรอบ 4.0-6.0% จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 4.0% ซึ่งอาจจะเป็นการเพิ่มขึ้นที่ไม่สูงนัก เนื่องจากการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี และกลุ่มลูกค้ารายย่อยยังถูกจำกัดด้วยการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวไม่มาก และหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่แล้ว ดังนั้น จึงคาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์จะต้องมุ่งไปที่ธุรกิจรายใหญ่มากขึ้น