“ไซมิส-เจ.เอส.พี.” แจงยอดขายสวนทางตลาด

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ไซมิสฯ กล่าวว่า หลังเปิดขายคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการบลอสซั่ม คอนโด แอท แฟชั่น บนถนนรามอินทรา ที่เปิดขายไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดขายแล้ว 70% ของทั้งโครงการที่มี 326 ยูนิต และเปิดขายล็อตสุดท้าย จำนวน 108 ยูนิต เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในสิ้นปีนี้

ส่วนโครงการไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ บนถนนสุขุมวิท 31 ซึ่งมีจำนวน 192 ยูนิต ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ขณะนี้มียอดขายแล้ว 75% หลังจากเปิดตัวในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนยูนิตที่เหลืออีก 25% จะดำเนินการขายโดยบริษัทซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) หรือซีบีอาร์อี ซึ่งคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปีนี้เช่นกัน โดยซีบีอาร์อี ได้นำโครงการไปโรดโชว์ที่ไต้หวัน ระหว่างวันที่ 28-29 พ.ย.นี้ หลังจากพบว่าชาวไต้หวันเป็นกลุ่มนักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนในโครงการไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ มากที่สุด

“ลูกค้ายังคงให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์ของไซมิสฯ ทำให้เราทำยอดขายได้ดีแม้ว่าภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมบางส่วนจะยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว แต่ด้วยจุดแข็งของไซมิสฯ ที่พัฒนาโครงการบนทำเลที่ดีเยี่ยม งานก่อสร้างมีคุณภาพ และราคาถูกกว่าคู่แข่ง จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ รวมทั้งมีกลุ่มลูกค้า Exclusive Members ที่ได้ติดตามซื้อห้องพักกับเราอย่างเหนียวแน่น ที่ทำให้โครงการทั้ง 2 โครงการในปีนี้ได้รับการตอบรับที่ดีมาก” นายขจรศิษฐ์ กล่าว

ด้าน น.ส.อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เลือกโครงการไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ ไปโรดโชว์ที่ไต้หวัน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อคอนโดฯ ระดับไฮเอนด์ถึงซูเปอร์ลักซัวรี เป็นชาวฮ่องกง ไต้หวัน และจีนเป็นส่วนใหญ่ และผู้ซื้อโครงการในทำเลสุขุมวิท รวมถึงโครงการไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพนั้น เป็นชาวไต้หวันที่มาลงทุนในประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 เนื่องจากราคาคอนโดฯ ระดับไฮเอนด์โดยเฉลี่ยในไต้หวันสูงกว่าในไทยอยู่มาก แต่อัตราผลตอบแทนจากการเช่าที่ไต้หวันต่ำกว่าในกรุงเทพฯ

“เหตุผลที่ทำให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนซื้อคอนโดฯ ในไทยมากขึ้น น่าจะเป็นผลจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปลายปีนี้ และการขยายโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังช่วยตอกย้ำอนาคตอันสดใสของอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ราคาคอนโดฯ ระดับไฮเอนด์กลางเมืองในกรุงเทพฯ ยังถูกกว่าในฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวันมาก อัตราผลตอบแทนการเช่าในกรุงเทพฯ ก็สูงกว่าต่างประเทศ และกฎหมายอาคารชุดเปิดทางให้ต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ได้ 49% ของพื้นที่ขายทั้งหมด”

นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP กล่าวว่า การพัฒนาโครงการ เจ.เอส.พี.ซิตี้ รังสิต-คลอง 1 ซึ่งเป็น 1 ใน 3 โครงการภายใต้แบรนด์ “เจ.เอส.พี.ซิตี้” ที่เปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพียง 2 วันสามารถปิดการขายไปได้มากกว่า 200 ยูนิต หรือประมาณ 500 ล้านบาท ทั้งนี้ โซนรังสิตยังคงเป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับการพัฒนาอสังหาฯ เนื่องจากสามารถที่จะรองรับการขยายตัวของกรุงเทพฯ โซนเหนือได้ อีกทั้งแผนการขยายโครงข่ายคมนาคมโดยเฉพาะระบบรางอย่างรถไฟฟ้าสายสีแดงที่กำลังอยู่ในช่วงของการก่อสร้าง และมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐก็จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ทำให้ความต้องการอสังหาฯ ในโซนนี้มีความหลากหลายมากขึ้น

สำหรับโครงการ เจ.เอส.พี.ซิตี้ รังสิต-คลอง 1 เป็นชุมชนเมืองแห่งใหม่ที่รองรับการขยายตัวของกรุงเทพฯ โซนเหนือ ตั้งอยู่บนเนื้อที่โครงการรวมกว่า 140 ไร่ จำนวนรวม 1,216 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 3,400 ล้านบาท ได้รับการรังสรรค์ขึ้นมาภายใต้แนวคิด THE KINGDOM OF LIVING & HAPPINESS บนทำเลติดถนนเลียบคลองรังสิต-นครนายก เดินทางเพียง 10 นาที จาก BTS สถานีรังสิต (สายสีแดง) โดยโครงการดังกล่าว ประกอบด้วย ทาวน์โฮม 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น และ 1 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5.7 เมตร บนเนื้อที่ใช้สอยรวม 115 ตารางเมตร จำนวนรวม 377 ยูนิต ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.64 ล้านบาท อาคารพาณิชย์ โครงการที่โดดเด่นด้วยสไตล์/คอนเซ็ปต์ Modern contemporary จำนวนรวม 204 ยูนิต บนพื้นที่ใช้สอยรวม 192 ตารางเมตร สูง 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 4 เมตร ราคาเริ่มต้นเพียง 3.6 ล้านบาท

“เพื่อเป็นการเป็นฉลองยอดขาย และฉลองการเปิดโครงการใหม่ บริษัทฯ ขอมอบโปรโมชันสัญญาศูนย์บาท ตั้งแต่วันนี้-30 มกราคม”