xs
xsm
sm
md
lg

รมช.คลัง ย้ำรัฐบาลเร่งวางรากฐานเพื่อหนุนไทยให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รมช.คลัง ยอมรับตลาดทุนไทยเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นคง และมั่งคั่ง ท่ามกลาง ศก.โลกที่ผันผวนสูง ย้ำชัด รบ.เร่งวางรากฐาน และสร้างบรรยากาศที่ดีเพื่อหนุนไทยให้เป็นประเทศที่น่าลงทุนในอนาคต

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง แสดงปาฐกถาพิเศษในงานมอบรางวัล SET Awards 2015 โดยระบุว่า ตลาดทุนไทยถือว่ามีการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นคง และมั่งคั่ง ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน แม้กระทั่งเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินงานมาในการพัฒนาประเทศ ตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจมีความลำบากจะเห็นได้จากสินค้าเกษตรตกต่ำ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจของคู่ค้า คู่แข่ง ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการเข้าไปดูแลในทุกภาคส่วน

โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีการกระจายเม็ดเงินลงไปในหมู่บ้าน ตำบล และผ่านโครงการขนาดเล็ก ในวงเงิน 1.3-1.4 แสนล้านบาท รวมถึงยังได้อนุมัติวงเงินอีกราว 2.7 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ถือว่ามีความลำบากพอสมควร อีกทั้งยังออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อช่วยประชาชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น

ขณะที่โครงการขนาดใหญ่ หรือโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีเม็ดเงินเพิ่มอีกกว่า 6 แสนล้านบาท เป็นเงินลงทุนในปี 59-60 ซึ่งก็จะเห็นได้ว่ารัฐบาลมีความพยายามมุ่งมั่นที่จะดูแลในทุกภาคส่วน เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยดี

ขณะเดียวกัน ก็พยายามที่จะดำเนินการในโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ประเทศ ทั้งการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ และการผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน การคลัง เป็นต้น ซึ่งในช่วงปลายเดือน ต.ค.58 ธนาคารโลก (WORLD BANK) ได้ประกาศผลการจัดอันดับจากรายงาน Doing Business ปี 2016 ประเทศที่มีความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ซึ่งประเทศไทยได้คะแนนมาอยู่ที่อันดับ 49 รองจากประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ในกลุ่มประเทศอาเซียน จากปี 2015 ประเทศไทยได้ลำดับที่ 46 ซึ่งมองว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการแล้วเสร็จอาจจะส่งผลไม่ทัน แต่คาดว่าปีต่อไปน่าจะถูกนำมารวมและทำให้อันดับของประเทศดีขึ้น

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลได้ดำเนินงานไปแล้วในเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ได้แก่ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาของหน่วยงานราชการ ซึ่งจะมีความชัดเจนของขั้นตอนระยะเวลา ที่หน่วยงานราชการจะต้องใช้จัดทำรายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบเป็นระยะ และยังมีการแก้ไข พ.ร.บ.ล้มละลาย เพื่อให้มีขั้นตอนที่มีความโปร่งใส กระชับมากขึ้น รวมถึงมีการออก พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ที่ได้มีการลงพระปรมาภิไธยไปแล้ว คาดว่าอีกประมาณ 7 เดือน จะมีผลบังคับใช้ อีกทั้งยังมีเรื่องของการปรับลดภาษีนิติบุคคลเป็นการถาวร ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับกรมสรรพากร

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีการสร้าง International Headquarters and International Trade Centre เพื่อเป็นการจูงใจให้แก่บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุน พร้อมกับสิทธิประโยชน์ทั้งนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา โดยล่าสุด ก็ได้เสนอให้ ครม.รับหลักการเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน สำหรับอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 10 อุตสาหกรรม ขนาดกองทุนราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำเอกสาร คงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะหนึ่ง

“ทั้งหมดนี้ก็เป็นฐานรองรับในอนาคตของการประกอบธุรกิจในประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน และง่ายต่อการประกอบธุรกิจในอนาคต” รมช.คลัง กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น