ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ ยิ้มร่าเปิดเทรดวันแรกราคาเหนือจอง 15.50 บาท จากราคา IPO ที่ 12 บาท ประธานบอร์ดแย้มนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในชำระหนี้ ซื้อเรือเพิ่ม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ฟุ้งอานิสงส์ท่องเที่ยวบูมดันรายได้เติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 5-10%
รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงการเข้าจดทะเบียนซื้อขายเป็นวันแรกของ บมจ.ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ หรือ RP ในตลาดหลักทรัพย์ mai ทันทีที่เปิดตลาดตลาดดัชนีราคาหุ้นของ RP ปรับตัวสูงขึ้นถึง 15.50 บาท/หุ้น จากราคา IPO ที่ 12 บาท/หุ้น หรือปรับตัวขึ้น 29.17% มูลค่าการซื้อขาย 322.31 ล้านบาท
นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บมจ.ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ หรือ RP กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่ราคาหุ้นซึ่งเข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรกสามารถปรับตัวขึ้นเหนือกว่าราคาจองจองซื้อได้ ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่าจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท ทำให้ราคาหุ้นในการซื้อขายวันแรกมีราคาสูงขึ้นอย่างน่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทฯ จะนำไปซื้อเรือเฟอร์รี่เพิ่มอีกอย่างน้อย 1 ลำ เพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสมุย และเกาะพะงัน ซึ่งในปัจจุบันมีเรือที่ใช้งานอยู่ จำนวน 12 ลำ และคาดว่าเรือที่ซื้อใหม่จะเริ่มส่งมอบได้ภายในต้นปี 2559 ขณะเดียวกัน ในส่วนของเงินที่เหลือจะใช้ชำระหนี้เงินกู้ระยะยาว และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจต่อไป
“ขณะนี้บริษัทฯ เตรียมที่จะขยายเส้นทางการขนส่งเพิ่มไปยังเพิ่ม นอกเหนือจากเกาะสมุย และเกาะพะงัน ซึ่งเชื่อว่าเมื่อมีเรือเพิ่มขึ้น และเส้นทางการเดินเรือใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ และจะเติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 5-10% โดยบริษัทฯ คาดว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายใกล้เคียงกับปี 2557”
ขณะเดียวกัน สำหรับรายได้ปีนี้โดยรวมรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ประมาณ 665 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงปลายปีถือว่าเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ บริษัทฯยังมองหาโอกาสในการแสวงหาการลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้ในอนาคตอีกด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของทางด้านของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน คือ น.ส.ปิ่นมณี เมฆมัณฑนา กรรมการผู้จัดการบริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด กล่าวเสริมว่า ภายในสิ้นปีนี้ บริษัทฯ เตรียมยื่นไฟลิ่งอีก 2 บริษัท โดยจะบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET จำนวน 1 บริษัท และบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน และบริการ โดยเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 2 บริษัท ซึ่งคาดว่าจะเข้าซื้อขายได้ในต้นปีหน้า ส่วนบริษัทด้านพลังงาน คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายได้ในช่วงกลางปี 2559