แสนสิริ ชี้นโยบายรัฐหนุนตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 4 ขยายตัว เผยมีสต๊อกบ้าน-คอนโดฯ พร้อมโอนกว่า 9,000 ล้านบาท จาก 62 โครงการทั่วประเทศ ระดับราคาตั้งแต่ 1.5-40 ล้านบาท ก่อนมาตรการรัฐหมด พร้อมรับลูกมาตรการรัฐให้ส่วนลดเพิ่มจากแคมเปญ “NOW OR NEVER” มั่นใจปี 58 ทำยอดโอนได้ตามเป้า 35,000 ล้านบาท
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ภาครัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จากเดิม 2% และค่าธรรมเนียมการจดจำนองจากเดิม 1% เหลือ 0.01% ในระยะเวลา 6 เดือน และให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นบ้านหลังแรกสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับการซื้อบ้านที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท โดยการนำ 20% ของวงเงินซื้อบ้านนำไปหักลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้ในช่วง 5 ปีภาษี
นอกจากนี้ ยังให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ปล่อยเงินกู้ผ่อนปรนในวงเงิน 10,000 ล้านบาท ภายใน 1 ปี โดยผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นนโยบายที่จะช่วยสนับสนุนให้ประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น รวมถึงน่าจะส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4 ช่วงที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงในไตรมาสแรกของปีหน้ามีการอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น
“เพื่อเป็นการตอบรับมาตรการของภาครัฐดังกล่าว บริษัทได้มอบส่วนลดเพิ่มเติมจากแคมเปญ “NOW OR NEVER” ที่อยู่ระหว่างการจัดแคมปญให้แก่ลูกค้าขณะนี้ โดยมอบเป็นส่วนลด on top จากที่บริษัทได้รับการลดค่าธรรมเนียมโอนในส่วนที่ต้องจ่ายฝ่ายละครึ่งกับลูกค้า นำมาเป็นส่วนลดเพิ่มเติมมอบคืนให้แก่ลูกค้าไปทันที ซึ่งลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษนี้ จากโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมโอนของแสนสิริ ที่มีให้เลือกกว่า 62 โครงการทั่วประเทศ ในระดับราคาตั้งแต่ 1.5-40 ล้านบาท นอกเหนือจากโปรโมชัน NOW OR NEVER ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แซ่บ เผ็ด ร้อน กับ ยูนิตสุดฮอต” รวบรวมโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ทุกประเภท ทั้งบ้านเดี่ยวครอบคลุมแบรนด์ นาราสิริ เศรษฐสิริ บุราสิริ สราญสิริ ฮาบิเทีย และคณาสิริ ทาวน์เฮาส์แบรนด์ ทาวน์ อเวนิว ฮาบิทาวน์ เมททาวน์ วี วิลเลจ และ บีอเวนิว รวมถึงคอนโดมิเนียมแบรนด์ต่างๆ พร้อมข้อเสนอพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดี โดยจะเริ่มมอบส่วนลดพิเศษตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 พฤศจิกายน 2558 นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมแคมเปญต่อจาก NOW OR NEVER เพื่อตอบรับมาตรการรัฐอย่างต่อเนื่อง” นายวันจักร์ กล่าว
ปัจจุบัน แสนสิริมีโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมโอนที่ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ คอนโดมิเนียมในโครงการเดอะ เบส พาร์คอีสต์ สุขุมวิท77, ดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท บางแสน, ดีคอนโด โคโค่ สุราษฏร์ธานี, เดอะ เดค ป่าตอง ภูเก็ต และ บ้านไม้ขาว ภูเก็ต เป็นต้น บ้านเดี่ยวในโครงการ ฮาบิเทีย เกาะแก้ว ภูเก็ต, ฮาบิเทีย บอนด์ ราชพฤกษ์, คณาสิริ วงแหวน พระราม 5, คณาสิริ ศาลายา, สราญสิริ ติวานนท์ แจ้งวัฒนะ, บุราสิริ ท่าข้าม พระราม 2, เศรษฐสิริ อ่อนนุช ศรีนครินทร์ และ นาราสิริ บางนา รวมถึงทาวน์เฮาส์ในโครงการวี วิลเลจ, เมท ทาวน์ บางนา, ฮาบิทาวน์ เกาะแก้ว ภูเก็ต, ฮาบิทาวน์ เนสต์ ท่าข้าม พระราม 2 และทาวน์พลัส ประชาอุทิศ เป็นต้น
ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มลูกค้าที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการดังกล่าว คือ กลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยพร้อมโอนในระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท สำหรับการซื้อบ้านหลังแรก เนื่องจากนอกจากจะได้รับการลดค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ยังสามารถลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
ปัจจุบัน แสนสิริมีสัดส่วนที่อยู่อาศัยพร้อมโอนในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อยู่ประมาณ 35% ของมูลค่าโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมโอนที่มีอยู่ในขณะนี้ประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าผลจากมาตรการรัฐรวมทั้งการมอบส่วนลดจากการจัดแคมเปญเพื่อตอบรับมาตรการจะทำให้บริษัทมียอดโอนที่อยู่อาศัย หรือรายได้ในปีนี้ประมาณ 35,000 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้