“เดอะคริสตัล” เอกมัย-รามอินทรา ทุ่ม 2,000 ล้านบาท เปิดเฟสใหม่ ธ.ค.นี้ ภายใต้ชื่อ “คริสตัล วีรันด้า” ศูนย์การค้าระดับเวิลด์คลาส มั่นใจจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้า คาดคืนทุนภายใน 7 ปี ระบุการที่เซ็นทรัลมาเปิดศูนย์การค้าหนุนให้ทำเลมีความคึกคัก ขณะที่กลุ่มลูกค้าของคริสตัรล วีรันด้า เน้นระดับบี-บีบวก ย้ำแผนพัฒนาที่ดินในบริเวณต้องรอความชัดเจนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา (โมโนเรล) ตัวแปรพัฒนาโครงการอสังหาฯ ขนาดใหญ่
นายกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เค.อี.กรุ๊ป ผู้บริหารศูนย์การค้า เดอะ คริสตัล เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าเตรียมเปิด เดอะ คริสตัล เลียบทางด่วน เฟสใหม่ ภายใต้ชื่อ “คริสตัล วีรันด้า” (Crystal Veranda) ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 25,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ทำให้มีพื้นที่ขายโดยรวมกว่า 50,000 ตร.ม. จากพื้นที่ก่อสร้างโดยรวมทั้ง 3 เฟสกว่า 125,000 ตร.ม. โดยจะเฟสที่มาเติมเต็มทุกความต้องการของลูกค้าครบ 360 องศา ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ลูกค้าในโซนนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้รวมทั้งครอบครัวไม่ต่ำกว่า 80,000 บาทต่อเดือน อยู่ในรัศมี 5-10 กม. ครอบคลุมกว่า 7 เขตเศรษฐกิจของ กทม. คือ ลาดพร้าว วังทองหลาง วัฒนา บางเขน บึงกุ่ม บางกะปิ จตุจักร มีประชากรกว่า 1.2 ล้านคน โดยคาดว่าจะมีปริมาณรถลูกค้าเข้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 25,000-35,000 คนต่อวัน
“โครงการคริสตัล วีรันด้า จะเป็นศูนย์การค้าระดับเวิลด์คลาส โดยจะมีจุดเด่นที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ทั้งด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ ฟิตเนสเฟิร์ส ฟิตเนสผู้นำระดับโลก ร้านอาหารไลฟ์สไตล์ที่คัดเลือกแต่แบรนด์ที่ติดท็อปฮิต แฟชั่น ไอที และงานดีไซน์ตกแต่ง ที่เรียก คริสตัล ซิกเนเจอร์ ชูความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่า ห้าเหลี่ยมคริสตัล ทั้งนี้ เรามองว่าการที่ห้างสรรพสินค้าดังที่จะมาเปิดให้บริการน่าจะให้เกิดความคึกคัก เนื่องจากทางเซ็นทรัลกับเราก็เป็นพันธมิตรกันมา ขณะที่กลุ่มลูกค้าของโครงการของเรากับเซ็นทรัล ก็ต่างกัน”
นายกวีพันธ์ กล่าวถึงการพัฒนาที่ดินรอการพัฒนาในบริเวณดังกล่าวว่า ยังเหลือที่สะสมในย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ประมาณ 200 ไร่ ตามแผนจะพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบมิกซ์ยูส ที่มีทั้งโครงการอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม โรงภาพยนตร์ และโรงแรมประเภท บูติก ฟิตเนสเฟิร์ส โฮเต็ล ในลักษณะผสมผสานซึ่งจะเป็นรูปแบบการลงทุนของบริษัทฯ
ขณะเดียวกัน ทางกลุ่ม เค.อี.แลนด์ กำลังรอความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา (โมโนเรล) คาดว่าอาจจะอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม และคิดว่าไม่น่าจะเกิดการเวนคืนที่ดินมากนักเพราะเป็นโครงการขนาดเล็ก ใช้พื้นที่ไม่มาก ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยคงต้องมาพิจารณาเรื่องการใช้พื้นที่ของรถไฟฟ้า เพราะนั่นอาจจะมีผลถึงแผนการพัฒนาที่ดินของบริษัทฯ เบื้องต้น หากสายสีเท่ามีความชัดเจนโครงการอาคารสำนักงาน และโครงการคอนโดมิเนียมระดับหรูน่าจะเกิดขึ้น
“ตอนนี้ทางกลุ่ม เค.อี.แลนด์ ยังไม่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพราะขายไปหมดแล้ว โดยมุ่งในด้านดีเทล และเทรดดิ้ง สัดส่วนประมาณ 60 และ 40 แต่ในอนาคต เมื่อโครงการอสังหาฯ เกิดการลงทุนสัดส่วนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นต่อเนื่อง”