“ชาญอิสสระ” เชื่อมาตราการกระตุ้นอสังหาฯ ภาครัฐหนุนตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 4 โตต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า เผยแผนลงทุนปี 59 เปิดบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท พร้อมลงทุนสร้างโรงแรมชะอำ 1 แห่ง ล่าสุด เปิดขาย “บาบา บีช คลับ ภูเก็ต” วิลลา-คอนโดฯ หรู ด้าน CBRE มั่นใจตลาดไฮเอนด์ภูเก็ตกำลังซื้อยังมี หลังพบสินค้าในตลาดมีน้อย
นายสงกานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงไตรมาส 4 คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากไตรมาส 2 และ 3 ที่ผ่านมา จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่จะออกมาช่วยกระตุ้นภาคอสังหาฯ โดยมีผลทั้งในแง่ของการช่วยลดค่าใช่จ่ายแก่ผู้ซื้อ และในแง่ของจิตวิทยา ทำให้ลูกค้าเร่งโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว สำหรับสินค้าของบริษัทที่ลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวมีประมาณ 1,400 ยูนิต จาก 3 โครงการที่รอโอน ได้แก่ โครงการบ้านทิวทะเล 1 จำนวน 100 ยูนิต บ้านทิวทะเล 2 จำนวน 400 ยูนิต และอีซี่ คอนโด 900 ยูนิต ขณะที่ยอดขายที่รอรับรู้ในไตรมาส 4 ราว 500 ล้านบาท
“เชื่อว่ามาตรการที่ภาครัฐได้ออกมาช่วยส่งเสริมให้แก่ภาคอสังหาฯ จะส่งผลให้ตลาดรวมมีการฟื้นตัว และทำให้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้าปรับตัวดีขึ้น” นายสงกรานต์ กล่าว
สำหรับแผนลงทุนในปี 2559 บริษัทมีแผนลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ 2 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ในย่านบางนา-ตราด 1 โครงการ บนเนื้อที่ 35 ไร่ ประมาณ 100 ยูนิต ราคายูนิตละ 25 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวย่านพระราม 9 อีก 1 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,600 ล้านบาท อีกทั้งมีแผนลงทุนพัฒนาโรงแรม บาบา บีช ชะอำ จำนวน 80 ยูนิต มูลค่าลงทุน 800 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปีหน้ายังมีแผนนำโรงแรมศรีพันวาเฟส 2 จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) จำนวน 30 ยูนิต มูลค่า 1,200 ล้านบาท
ด้าน นายวรสิทธิ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จุนฟา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัทชาญอิสสระฯ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดขายโครงการบาบา บีช คลับ ภูเก็ต ประกอบด้วย โรงแรมที่เป็นโอเชียนวิลลา จำนวน 16 หลัง บ้านพักตากอากาศเพื่อขายในรูปแบบบีชฟรอนต์วิลลา ขนาด 5 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 1,300 ตร.ม. จำนวน 6 ยูนิต พูลวิลลา ขนาด 2 ห้องนอน จำนวน 36 หลัง ราคาเริ่มต้น 26-130 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมขนาด 1-2 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 9.8 ล้านบาท ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างเปิดขายพรีเซลที่งานสยามพารากอน ลักซ์ชัวรี่ พร็อพเพอร์ตี้ โชว์เคส วันที่ 8-18 ตุลาคม 2558 ณ แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับนักลงทุนที่จองซื้อภายในงาน
น.ส.อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การท่องเที่ยวภูเก็ตยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวราว 6 ล้านคน จากช่วงปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยว 5 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มขึ้นจาก 36% เป็น 48% ซึ่งเมื่อการท่องเที่ยวเติบโตย่อมหมายถึงธุรกิจด้านอื่นๆ จะเติบโตตาม โดยเฉพาะอสังหาฯ
ปัจจุบัน ทำเลบริเวณหาดนาใต้ ซึ่งเป็นชายหาดที่มีเขตต่อจาก จ.ภูเก็ต กับ พังงา ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการขยายตัวของโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต เนื่องจากอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตประมาณ 20 นาที ทำให้การเดินทางสะดวก เข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นทำเลติดชายหาดบริเวณที่สามารถเล่นน้ำทะเลได้ ที่สำคัญมีความเป็นส่วนตัวสูง และอยู่ไม่ห่างสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้างเทสโก้ โลตัส เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นราคาที่ดินยังถูกกว่าภูเก็ตอย่างชัดเจน และมีโอกาสที่ราคาจะขยับสูงขึ้นได้อีกในอนาคต
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีโครงการใหม่เกิดขึ้นน้อยมาก ส่วนหนึ่งเพราะก่อนหน้านี้มีการเปิดตัวไปค่อนข้างมากแล้ว โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ราว 10,000 ยูนิต ขณะที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 ปี อีกราว 4,500 ยูนิต ในขณะที่ตลาดบ้านพักตากอากาศ หรือวิลลาที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปัจจุบันมีประมาณ 3,000 ยูนิต ส่วนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกราว 1,000 ยูนิต ซึ่งในส่วนของยอดขายโดยภาพรวมทั้งสร้างเสร็จ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะมีการขายไปแล้วประมาณ 75%
สำหรับทำเลที่ได้รับความนิยมที่สุดในขณะนี้จะอยู่บริเวณชายทะเลตะวันตก เนื่องจากมีทิวทัศน์สวยที่สุด ทำให้ที่ผ่านมา การเปิดตัวโครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณนี้ รวมถึงโรงแรมต่างๆ ด้วย ทำให้ปัจจุบันแทบไม่มีที่ดินเพื่อการพัฒนาแล้ว และหากมีราคาจะสูงมาก ส่วนบริเวณตะวันออกของขายฝั่งทะเล จะได้รับความนิยมน้อยลงมา ในขณะที่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยส่วนใหญ่จะมีบริการเสริมด้านการรับบริหารห้องพักเพื่อปล่อยเช่าทั้งรายวัน และรายเดือนให้แก่ผู้ซื้อด้วย โดยเฉพาะโครงการที่มีโรงแรมอยู่ด้วย จะสามารถรักษาคุณภาพสภาพแวดล้อมในโครงการได้ค่อนข้างดี สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต เช่น โรงแรมอมันปุรี บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันตก ปัจจุบันราคาขายต่อในส่วนของวิลลาสูงถึง 8-17 ล้านเหรียญสหรัฐ