บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) เปิดฉากครึ่งปีหลังไปได้สวย ยอดปล่อยสินเชื่อไตรมาส 3/58 เติบโต 60-70% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” มั่นใจภายในสิ้นปี 58 ยอดปล่อยกู้แตะ 1.9 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 57 หลังบุกตลาดในภาคใต้ ตามยุทธศาสตร์ขยายตัวทั่วไทย ขณะที่เอ็นพีแอลจิ๊บๆ แค่ 1% โบรกฯ แนะนำ “ซื้อ” เคาะราคาเป้าหมายใหม่ที่ 23.7 บาท/หุ้น หลังเปิดสาขาใหม่สูงกว่าที่คาด พร้อมรุกสินเชื่อใหม่-นาโนไฟแนนซ์ คาดปี 58-60 กำไรเติบโต 41% ต่อปี
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/58 คาดว่าจะออกมาดี โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดปล่อยสินเชื่อที่เติบโตประมาณ 60-70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นประมาณ 17-18% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/58 โดยมียอดปล่อยสินเชื่อประมาณ 5.5 พันล้านบาท หลังจากบริษัทได้มีการขยายสาขาไปยังภาคใต้ ตามยุทธศาสตร์ขยายตัวทั่วไทย ซึ่งทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ลูกค้าเก่ามีความต้องการสินเชื่อมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 เข้าสู่ฤดูเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร ทำให้มีลูกค้าเข้ามาขอรับสินเชื่อเพิ่ม แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างสรุปตัวเลขงบการเงิน และรอการตรวจสอบของผู้สอบบัญชี
“หลังจากที่เราได้มีการขยายสาขาลงไปในพื้นที่ในภาคใต้ ซึ่งถือเป็นพื้นที่เป้าหมายใหม่ที่เรายังไม่มีสาขาลงไปให้บริการลูกค้า กระแสตอบรับดีมาก และถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยผลักดันสินเชื่อในช่วงไตรมาส 3/58 เติบโตประมาณ 60-70% ทำให้เรามั่นใจว่า ยุทธศาสตร์การขยายตัวทั่วไทยของเราเดินมาถูกทาง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอดปล่อยสินเชื่อของบริษัทจะแตะที่ระดับ 19,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่เราคาดว่ายอดปล่อยสินเชื่อในปีนี้จะแตะที่ระดับ 16,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30%” นายชูชาติ กล่าว
นอกเหนือจากการขยายสาขาลงไปในพื้นที่จังหวัดภาคใต้แล้ว บริษัทยังได้มีการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยในช่วงไตรมาส 3/58 ได้เปิดตัวสินเชื่อที่ดินเพื่อการเกษตร โดยปล่อยกู้ให้รายละไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งมียอดปล่อยกู้เฉลี่ย 40 ล้านบาท/เดือน ขณะที่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ยอดปล่อยกู้เฉลี่ย 20 ล้านบาท/เดือน
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง กล่าวอีกว่า กรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าเศรษฐกิจชะลอตัว อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ และทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น ในส่วนของเมืองไทยลิสซิ่ง ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากมีกระบวนการติดตามหนี้ผ่าน MTL Model ที่เราใช้เวลาพัฒนามากว่า 23 ปี ทำให้สามารถสกรีนลูกค้า และติดตามหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยในช่วงไตรมาส 3/58 มีเอ็นพีแอลเพียง 1.0% เท่านั้น เมื่อเทียบกับพอร์ตสินเชื่อรวม และบริษัทมีนโยบายคุมสัดส่วนเอ็นพีแอลไม่ให้เกิน 1.1% เมื่อเทียบกับกับพอร์ตสินเชื่อรวม
ส่วนแผนการขยายสาขาในปี 2558 จะมีสาขาเพิ่มเป็น 900 สาขาทั่วประเทศ ภายในปี 2559 เตรียมเปิดเพิ่มอีก 450 สาขา รวมเป็น 1,350 สาขา ภายในปี 2559
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น MTLS โดยได้ปรับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 23.7 บาท/หุ้น จากเดิมอยู่ที่ 19.6 บาท/หุ้น อิง PBV target ที่ 7.8x และปรับคำแนะนำจาก Neutral เป็น Buy โดยมองว่า MTLS เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนหุ้นของบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคที่มีพอร์ตสินเชื่อคุณภาพ เอ็นพีแอลต่ำ ประกอบกับการที่บริษัทมีแผนขยายสาขาเชิงรุก และพยายามเพิ่มความหลากหลายของสินค้ามากขึ้น ผลักดันให้สินเชื่อ และกำไรสุทธิเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเราคาดว่าสินเชื่อคงค้างในปี 2558-2560 เพิ่มขึ้น 35% p.a. และกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันเติบโตสูงถึง 41% p.a.
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/58 คาดว่าจะออกมาดี โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดปล่อยสินเชื่อที่เติบโตประมาณ 60-70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นประมาณ 17-18% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/58 โดยมียอดปล่อยสินเชื่อประมาณ 5.5 พันล้านบาท หลังจากบริษัทได้มีการขยายสาขาไปยังภาคใต้ ตามยุทธศาสตร์ขยายตัวทั่วไทย ซึ่งทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ลูกค้าเก่ามีความต้องการสินเชื่อมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 เข้าสู่ฤดูเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร ทำให้มีลูกค้าเข้ามาขอรับสินเชื่อเพิ่ม แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างสรุปตัวเลขงบการเงิน และรอการตรวจสอบของผู้สอบบัญชี
“หลังจากที่เราได้มีการขยายสาขาลงไปในพื้นที่ในภาคใต้ ซึ่งถือเป็นพื้นที่เป้าหมายใหม่ที่เรายังไม่มีสาขาลงไปให้บริการลูกค้า กระแสตอบรับดีมาก และถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยผลักดันสินเชื่อในช่วงไตรมาส 3/58 เติบโตประมาณ 60-70% ทำให้เรามั่นใจว่า ยุทธศาสตร์การขยายตัวทั่วไทยของเราเดินมาถูกทาง คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอดปล่อยสินเชื่อของบริษัทจะแตะที่ระดับ 19,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่เราคาดว่ายอดปล่อยสินเชื่อในปีนี้จะแตะที่ระดับ 16,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30%” นายชูชาติ กล่าว
นอกเหนือจากการขยายสาขาลงไปในพื้นที่จังหวัดภาคใต้แล้ว บริษัทยังได้มีการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยในช่วงไตรมาส 3/58 ได้เปิดตัวสินเชื่อที่ดินเพื่อการเกษตร โดยปล่อยกู้ให้รายละไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งมียอดปล่อยกู้เฉลี่ย 40 ล้านบาท/เดือน ขณะที่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ยอดปล่อยกู้เฉลี่ย 20 ล้านบาท/เดือน
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง กล่าวอีกว่า กรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าเศรษฐกิจชะลอตัว อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ และทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น ในส่วนของเมืองไทยลิสซิ่ง ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากมีกระบวนการติดตามหนี้ผ่าน MTL Model ที่เราใช้เวลาพัฒนามากว่า 23 ปี ทำให้สามารถสกรีนลูกค้า และติดตามหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยในช่วงไตรมาส 3/58 มีเอ็นพีแอลเพียง 1.0% เท่านั้น เมื่อเทียบกับพอร์ตสินเชื่อรวม และบริษัทมีนโยบายคุมสัดส่วนเอ็นพีแอลไม่ให้เกิน 1.1% เมื่อเทียบกับกับพอร์ตสินเชื่อรวม
ส่วนแผนการขยายสาขาในปี 2558 จะมีสาขาเพิ่มเป็น 900 สาขาทั่วประเทศ ภายในปี 2559 เตรียมเปิดเพิ่มอีก 450 สาขา รวมเป็น 1,350 สาขา ภายในปี 2559
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น MTLS โดยได้ปรับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 23.7 บาท/หุ้น จากเดิมอยู่ที่ 19.6 บาท/หุ้น อิง PBV target ที่ 7.8x และปรับคำแนะนำจาก Neutral เป็น Buy โดยมองว่า MTLS เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนหุ้นของบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคที่มีพอร์ตสินเชื่อคุณภาพ เอ็นพีแอลต่ำ ประกอบกับการที่บริษัทมีแผนขยายสาขาเชิงรุก และพยายามเพิ่มความหลากหลายของสินค้ามากขึ้น ผลักดันให้สินเชื่อ และกำไรสุทธิเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเราคาดว่าสินเชื่อคงค้างในปี 2558-2560 เพิ่มขึ้น 35% p.a. และกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันเติบโตสูงถึง 41% p.a.
