ธปท.มั่นใจมาตรการกระตุ้น ศก.ระยะสั้น ย้ำสถานะ ศก.ไทยยังมั่นคง

ผู้ว่าการ ธปท.เชื่อมาตรการกระตุ้น ศก.ช่วยบรรเทาปัญหาได้ และส่งผลดีระยะสั้น ชี้ การอัดฉีดเงินผ่านกองทุนหมู่บ้าน เพื่อสร้างกำลังซื้อในชนบท ไม่ผิดวินัยการคลัง แต่ต้องระมัดระวังเรื่องปล่อยกู้อย่าให้กระทบหนี้ครัวเรือน เผยสภาพคล่องมีเพียงพอ และเป็นกลไกที่แบงก์พาณิชย์เข้าไม่ถึง ย้ำสถานะ ศก.ไทยยังมั่นคง แม้จะไม่โตเหมือนกับที่ผ่านมา ซึ่งต้องปรับความคาดหวังให้สอดคล้องต่อความเป็นจริง
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงมาตรการเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่เตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ (1 ก.ย.) จะสามารถบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจ และส่งผลดีในระยะสั้นได้ โดยเชื่อว่าผู้ปฏิบัติจะใช้ความระมัดระวัง และคำนึงผลกระทบต่างๆ โดยเฉพาะการปล่อยเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนผ่านกองทุนหมู่บ้าน จะต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือน
ส่วนกรณีรัฐบาลเตรียมอัดฉีดเงินให้กับชาวบ้านผ่านกองทุนหมู่บ้านนั้น เป็นขั้นแรกของการเริ่มรักษาความเชื่อมั่นต่อการบริโภค การเพิ่มกำลังซื้อด้านความต้องการของประชาชน เมื่อไม่ใช่เป็นการตั้งโต๊ะแจกเงิน ถือว่าไม่ผิดวินัยทางการคลัง แต่ขอให้ระวังเรื่องการคัดเลือกผู้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไปใช้ประกอบอาชีพที่เป็นประโยชน์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสียตามมา กลไกการควบคุมดูแลการคัดกรองผู้ต้องการเงินต้องเข้มงวด เมื่อสร้างกำลังซื้อของชาวบ้านแล้ว หลังจากนั้นต้องเร่งรัดโครงการลงทุนขนาดเล็กให้เกิดขึ้นในชุมชน เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยขยายการลงทุน เมื่อเกิดความเชื่อมั่นต่อการลงทุน

“การใส่เงินไม่มีปัญหาเพราะสภาพคล่องมีเพียงพอ การเข้าไปช่วงผ่านกองทุนหมู่บ้านน่าจะช่วยได้ เพราะเป็นกลไกที่ธนาคารพาณิชย์เข้าไม่ถึง แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ความสามารถในการชำระคืน”

สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในณะนี้ถือว่าเสถียรภาพยังดีอยู่ในระดับที่มั่นคง เพียงแต่การเติบโตไม่ได้อยู่ในระดับสูงเท่ากับช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น จะต้องปรับความคาดหวังให้สอดคล้องต่อสภาพความเป็นจริง เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ขณะเดีนวกัน เศรษฐกิจของประเทศใหญ่ๆ เช่น จีนก็ชะลอตัวลง ตลอดจนความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยต่างประเทศที่ยังต้องติดตามต่อไปเพราะมีกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย

"แนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ยังเผชิญกับความเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งกระทบต่อการส่งออกให้ทรงตัวติดลบ แม้ปัจจัยด้านการท่องเที่ยว การเบิกจ่ายภาครัฐ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดี แต่การบริโภคของประชาชนยังชะลอตัว จึงต้องกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน แต่ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง"

โดยวันนี้ ธปท. จัดงานสัมมนาทางวิชาการประจำปี 2558 “ผนึกกำลังผลักดันเศรษฐกิจไทย ก้าวสู่ Digital Economy 2015″ โดยมีนายธนาคาร นักธุรกิจ นักวิชาการ เข้าร่วมสัมมนาและแสดงความเห็นต่อการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินของสถาบันการเงินรองรับการให้บริการกับประชาชนในยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งการชำระเงิน การโอนเงิน อย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพ เพื่อความสะดวกให้กับลูกค้า

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “วิสัยทัศน์การพัฒนาระบบการชำระเงินของประเทศภายใต้บริบท Digital Economy ว่า ธปท.เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ระบบการชำระเงินให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อมุ่งหวังยกระดับบริการทางการเงิน การควบคุม การโอนเงินเมื่อประสบปัญหาล้มละลาย เพื่อความเป็นธรรมทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ การควบคุมระบบการชำระเงินล่วงหน้า มุ่งส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ได้ทุกที่และชาวชนบทเข้าถึงระบบการเงินได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ยังรองรับการชำระเงินจากการค้าผ่านระบบ E-Commerce การเชื่อมโยงการเสียภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและส่งเสริมการยื่นภาษีและชำระเงินเชื่อมโยงไปยังหน่วยงานของรัฐ เนื่องจากขณะนี้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว สถาบันการเงินจึงต้องพัฒนาระบบให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น มีช่องทางเครือข่ายเพิ่ม เพราะขณะนี้ Non Bank เข้ามาแข่งขันหลายด้าน และมองว่า อนาคตค่าธรรมเนียมข้ามเขต หรือค่าธรรมเนียมอื่นจะลดลง เมื่อมีการแข่งขันเพิ่มขึ้น

โดยทาง ธปท. ยืนยันว่า ร่างกฎหมายระบบการชำระเงิน (พ.ร.บ.) จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินของธนาคารพาณิชย์อย่างแน่นอน ขณะนี้เตรียมชี้แจงร่างกฎหมายกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเร็วๆ นี้