จากที่ได้บอกไปว่า ข้อมูลที่ใช้ตัดสินใจลงทุนมีทั้งหมด 4 แบบซึ่งมีความแตกต่างกัน วันนี้เรามาดูกันว่านักลงทุนจะตัดสินใจเลือกรับรู้ข้อมูลอย่างไรให้ถูกต้อง
หนึ่ง..ความจริง (Facts) เป็นข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นผลกระทบโดยตรงต่อสถานการณ์ เช่น มีการปิดถนน ยึดสนามบิน ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ หรือภัยธรรมชาติ กระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร หรือการดำเนินธุรกิจ หรือการปรับลด หรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันดิบ หรือเปลี่ยนแปลงค่าระวางเรือ Facts จะกระทบพื้นฐานของกิจการ หรือโดนผลประกอบการตรงๆ ก็จะทำให้ราคาหุ้นที่โดนกระทบตรงๆ ปรับตัวลงอย่างแรง แต่กิจการที่โดนกระทบทางอ้อมก็จะมีอาการตกใจลงด้วย
สอง..ความคิดเห็นหรือการคาดการณ์ (Comments or Forecasts) จะเห็นบทวิเคราะห์ หรือการคาดการณ์อนาคตต่างๆ จากสถาบันทางเศรษฐกิจการเงินต่างๆ หรือจากนักวิเคราะห์ นักวิชาการต่างๆ เช่น การคาดการณ์ยอดการส่งออกประจำปี หรือประเมินตัวเลข GDP ของประเทศ หรือความคิดเห็นจากนักวิชาการต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นการคาดเดาอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เอามาประกอบการตัดสินใจในแนวโน้มระยะยาวพอได้ แต่ไม่มีผลกระทบอะไรรุนแรง
สาม..รายงานข่าว (News or Announcement) คือ รายงานผลประกอบการ หรือข่าวที่นำเสนอรายละเอียดเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว หลายครั้งราคาหุ้นมักจะเกิดการรับรู้ผลประกอบการไปก่อนหน้าแล้ว จนราคาขึ้นมา overvalue กลายเป็นว่า ข่าวดีมา แต่ราคาขึ้นนิดหน่อย หรือราคาลง หรือข่าวดีที่รายงานผลประกอบการออกมาดี แต่ตลาดรับรู้ผลซื้อขายกันไปหมดแล้วหลังจากประกาศผลประกอบการออกมา ราคาก็จะขยับเพราะข่าวไม่มากแล้ว แต่ถ้าเป็นผลประกอบการเลวร้าย ก่อนประกาศผลจะราคาจะลงจากการคาดการณ์รอบหนึ่ง พอประกาศผลประกอบการออกมาว่าแย่จริงๆ ราคาก็จะโดนเทขายอีกรอบหนึ่ง หรือกรณีที่เป็นการแถลงข่าวที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง เช่น ข่าวยุบสภา หรือปรับคณะรัฐมนตรี เป็นต้น ก็จะมีผลต่ออารมณ์ตลาดโดยรวม
สุดท้ายข่าวลือ (Rumors) ข้อมูลพวกนี้ส่วนมากจะมาตามสื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่มีที่มาของแหล่งข่าว ส่งต่อๆ กันมา โดยที่คนส่งก็ไม่ได้ตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เห็นในมือถืออ่านแล้วตกใจ ชอบใจ สะใจ ก็กดแชร์ออกไปเลย ข้อมูลพวกนี้กระจายรวดเร็ว แพร่ออกไปอย่างขาดสติ หลายครั้งข่าวลือพวกนี้ทำให้ราคาหุ้นโดนขายกดลงมาอย่างรุนแรง
หากนักลงทุนควรประเมินว่า ข้อมูลที่ได้รับมาเป็นข้อมูลประเภทไหน มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยรวม หรือกระทบราคาหุ้นเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม หรือกระทบเฉพาะกิจการบางแห่งเท่านั้น หรือเป็นเพียงข่าวลือที่กระทบใจคน ไม่ได้มีผลกระทบต่อพื้นฐานของกิจการ อาจจะเป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนจะได้เข้าซื้อของดีราคาถูกก็ได้
... แต่หากเพิ่งเข้าซื้อหุ้นบางตัวไปแล้วตลาดตกใจในข่าวจนราคาหุ้นที่เราเพิ่งซื้อจนราคาหลุดต่ำกว่า Stop Loss เราทำแผนไว้ก็ต้องทำตามวินัยขายทิ้งไปตามแผน แล้วค่อยใช้กราฟเทคนิคหาจังหวะดีๆ ใหม่อีกครั้ง ถ้าเป็นหุ้นที่ถือลงทุนมาพอสมควรแล้วก็พิจารณาผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากมีผลกระทบไม่ดีโดยตรงก็ควรขายออกให้เร็ว มีผลกระทบบ้างจะทยอยขายทำกำไรไปบ้างก็ได้ไม่ว่ากัน หรือไม่มีผลกระทบเลยแต่ลดราคาลงมาให้เยอะจะซื้อเก็บเพิ่มก็ไม่มีใครว่ากัน ...
ในสภาวะวิกฤต มีโอกาสอยู่เสมอ รับทราบข้อมูลอะไรมาแล้วตั้งสติให้ดี อย่ามัวแต่ตกใจ หรือตื่นเต้นดีใจ แชร์ให้คนนั้นคนนี้ แต่ปล่อยจังหวะดีๆ ที่จะต้องซื้อหรือขาย ให้ผ่านเลยไปอย่าน่าเสียดาย...
ประกาศิต ทิตาราม หัวหน้าโค้ชทีม Wave Riders
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง