เอสซีไอ อีเลคตริค ประกาศความพร้อมเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมขายไอพีโอ 187.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น ได้ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ด้านผู้บริหาร “เกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล” ระบุเตรียมนำเงินที่ได้ไปคืนหนี้สถาบันการเงิน ลงทุนในโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาโทรคมนาคมในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ลุยพลังงานทดแทนในประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เชื่อมั่นจะเป็นอีกหลักทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจ
นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) (SCI) เปิดเผยว่า บริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเตรียมความพร้อมเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งหากได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็พร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้นดังกล่าวในขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ SCI ประกอบธุรกิจ 1.ผลิตและจำหน่ายตู้สวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ และอุปกรณ์รองรับ 2.ผลิตและจำหน่ายเสาไฟฟ้าแรงสูง เสาสื่อสารโทรคมาคม และโครงสร้างเหล็กชุบกัลวาไนซ์ ภายใต้บริษัทย่อย 3.ธุรกิจบริการรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงดันสูงและระบบไฟฟ้าจำหน่าย และ 4.ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน (ปัจจุบันมีธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ) ภายใต้บริษัทย่อย
“เงินที่ได้ไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน ลงทุนในโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง และเสาโทรคมนาคมในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มโอกาสในการเติบโตของบริษัทในอนาคต” นายเกรียงไกร กล่าว
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการสายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) (SCI) เปิดเผยว่า SCI มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 187,500,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทภายหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในปี 2558 นี้
“ธุรกิจในกลุ่มของ SCI ถือว่ามีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2509 โดยครอบครัวพฤฒินารากร กับเพื่อนนักธุรกิจชาวฮ่องกง มีทีมงานผู้บริหารที่มีความเป็นมืออาชีพ บุคลากรมีความรู้ความสามารถ และที่สำคัญได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านวิศวกรรม และการควบคุมคุณภาพการผลิตจากพันธมิตรญี่ปุ่น อีกทั้งมีโรงงานที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในส่วนของภาครัฐ และภาคเอกชนทั้งใน และต่างประเทศ ได้รับงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมจึงเชื่อมั่นว่า SCI จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ และเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในช่วงปลายปี” นายวิชา กล่าว
ผลการดำเนินงานของ SCI ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2555-2557) บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเท่ากับ 1,443.67 ล้านบาท 2,175.81 ล้านบาท และ 2,810.72 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตในปี 2556 ร้อยละ 50.71 เมื่อเทียบกับปี 2555 และคิดเป็นอัตราการเติบโตในปี 2557 ร้อยละ 29.18 เมื่อเทียบกับปี 2556 ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิสำหรับปี 2555-2557 เท่ากับ 65.29 ล้านบาท 171.29 ล้านบาท และ 328.63 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทมีรายได้จากการขาย และการให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.91 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 155.35 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 82.48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน