10.58 น. ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวที่ 1,384.18 จุด ลดลง 24.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,779.18 ล้านบาท ดีดตัวขึ้นจากช่วงเปิดทำการเมื่อเวลา 10.00 น. ซึ่งดัชนีปรับตัวลดลง 37.65 จุด แตะที่ระดับ 1371.09 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5863.72 ล้านบาท ก่อนจะรีบาวนด์ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป ระบุแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นรายตัวที่ราคาปรับลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน จากกลุ่มนักลงทุนระยะยาวที่ถือเป็นโอกาสสะสม ขณะที่นักลงทุนระยะสั้นต่าง wait&see รอฟังผลสรุปการสืบสวนหาสาเหตุการระเบิดที่เกิดขึ้น
“หุ้นลงไปแรงมากนักลงทุนระยะยาวมองเป็นโอกาสเลือกซื้อหุ้นดีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ส่วนระยะสั้นจริงๆ ลงรอดูสถานการณ์ โดยเฉพาะข้อสรุปสาเหตุการระเบิด อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น เพราะใกล้ช่วง Hi ที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งนี้ หากมีผลสรุปสาเหตุการระเบิด มาตรการรักษาความปลอดภัยคงจะออกมาสร้างความมั่นใจให้ทั้งคนไทย และต่างชาติมากขึ้น”
ผอ.ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า การทูลเกล้ารายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่น่าจะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนหันมามองปัจจัยหลักทางเศรษฐกิจมากกว่าจะจดจ่ออยู่กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น พร้อมแนะนำ นักลงทุนระยะสั้นถือเงินสด ส่วนระยะยาวสามารถเลือกสะสมหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) คาดว่า เหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (17 ส.ค.) คงจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในช่วงสั้นเหมือนกับเหตุการณ์ทุกครั้งที่ผ่านมา
“ขณะนี้ทุกคนกำลังรอติดตามสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวว่ามาจากฝีมือของใคร โดยถ้าเป็นเรื่องระยะยาวก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ กรุงเทพฯ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันมาก จึงอาจจะกระทบเศรษฐกิจแค่ช่วงสั้นจากความมั่นใจของผู้บริโภคที่ไม่กล้าออกไปจับจ่ายใช้สอย ส่วนในการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่ส่วนใหญ่มีการวางแผนท่องเที่ยวกันล่วงหน้าไว้แล้วก็คงจะไม่เปลี่ยนแผนไปมาก แต่กลุ่มใหม่ที่กำลังจะตัดสินใจมาไทยก็อาจต้องคิดหนักในแง่ความปลอดภัย”