ลีซ อิท ครึ่งปีแรกของปี 58 กวาดรายได้รวม 88.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 58.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 32.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 20.1 ล้านบาท “สมพล เอกธีรจิตต์” เป็นปลื้มหลังบุกตลาดภาคเอกชนมากขึ้น พร้อมสยายปีกปล่อยกู้นอกกลุ่มไอที ตอกย้ำ “ลีซ อิท” ไม่ใช่แค่ “ลีซ ไอที” พร้อมตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าเอสเอ็มอีได้อย่างครบวงจร ด้วยคอนเซ็ปต์ “อนุมัติเร็ว-ให้วงเงินสูง-ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำ” มั่นใจเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อแตะ 1.1 พันล้านบาท รายได้-กำไร ทะลุ 30% ไม่ไกลเกินเอื้อม
นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) หรือ LIT เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 บริษัทมีรายได้รวม 88.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 58.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 32.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 20.1 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากบริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยหันมาปล่อยสินเชื่อนอกเหนือกลุ่มไอทีมากขึ้น ตอกย้ำ “ลีซ อิท” ไม่ใช่แค่ “ลีซ ไอที” และเพิ่มสัดส่วนลูกหนี้ภาคเอกชน ซึ่งปัจจุบันลูกค้า SME จำนวนมากมีความต้องการสินเชื่อค่อนข้างสูงตามภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ มียอดปล่อยสินเชื่อรวมในทุกผลิตภัณฑ์ 2,231.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,073.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 93% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2557 ที่มียอดปล่อยสินเชื่อรวมอยู่ที่ 1,158.25 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 บริษัทมีรายได้รวม 46.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 31.3 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 11.0 ล้านบาท และมั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อทั้งปีจะแตะระดับ 1.1 พันล้านบาท ขณะที่รายได้และกำไรจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 30% ตามเป้าหมายที่วางไว้
“แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกจะชะลอตัว แต่ธุรกิจของเราไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังช่วยผลักดันให้สินเชื่อของเราเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสถาบันการเงินคุมเข้มปล่อยสินเชื่อทำให้กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่มีความต้องการสินเชื่อเดินเข้ามาหาเรา และด้วยความที่เรามีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมายาวนาน ทำให้เราสามารถคัดกรองลูกค้าเพื่อป้องกันปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เห็นได้จากในครึ่งปีแรกมีหนี้ค้างชำระที่เกิน 90 วัน (บางส่วนถึงแม้ยังมีการจ่ายชำระดอกเบี้ยล่าช้า) อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.94% เท่านั้น เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่เอ็นพีแอลอยู่ในระดับ 3-4% และเป้าหมายของเราจะพยายามรักษาระดับไม่ให้เกิน 2%” นายสมพล กล่าว
กรรมการผู้จัดการบริษัท ลีซ อิท กล่าวอีกว่า ตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอียังมีช่องว่างให้ขยายฐานลูกค้าได้อีกมาก โดยบริษัทมีแผนงานร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าเดินหน้าเจาะตลาดใหม่ เพื่อปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ นอกเหนือจากสินค้าไอที โดยแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้รัฐบาลจะเดินหน้าขยายการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 3% ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นคู่ค้าภาครัฐมีความต้องการสินเชื่อเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนมากขึ้น และเข้ามาใช้บริการสินเชื่อกับบริษัทอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทมีจุดแข็ง คือ เข้าใจความต้องการของเอสเอ็มอี จึงสามารถเสนอบริการอนุมัติเงินกู้ให้ลูกค้าได้รวดเร็ว ให้วงเงินสูง และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน