เผยทิศทางตลาดหุ้นขึ้นกับการคาดการณ์จังหวะเวลาขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

โบรกฯ เผยตลาดเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนรอดูตัวเลขข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค.ของสหรัฐฯ เพราะจะบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้น ดบ.ของเฟด ถ้ากลัวมากขึ้น เร็วขึ้น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้น ก็จะกดตลาด commodity และ Emerging Markets

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต กล่าวถึงบรรยากาศซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (7 ส.ค.) ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนรอดูตัวเลขข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค.ของสหรัฐฯ ในคืนนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดรับรู้ตัวเลขการจ้างงานฯ ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ หากตัวเลขดังกล่าว ออกมาสูงกว่าที่คาดไว้ ก็จะทำให้ตลาดมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และจะทำให้ตลาดยังคงเผชิญกับแรงขายของต่างชาติต่อไป แต่หากตัวเลขการจ้างงานฯ ดังกล่าว น้อยกว่าที่คาด ก็จะทำให้ความกังวลว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.นี้ลดลงไป และจะทำให้ตลาดตอบรับในเชิงบวก

อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพใหญ่แล้ว ตลาดยังคงรับรู้ว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเห็นได้จากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ความเสี่ยงต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ Dollar Index แข็งค่าขึ้น 20% และสินค้าโภคภัณฑ์ ลดลง 37% ขณะที่ตลาด Develop Markets ปรับตัวขึ้น แต่ Emerging Markets กลับร่วงลง โดยทิศทางยังคงมีเม็ดเงินไหลกลับไปยัง Develop Markets

“ทิศทางตลาดขึ้นกับการคาดการณ์จังหวะเวลาขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ถ้ากลัวมากขึ้น เร็วขึ้น ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น ก็จะกดตลาด commodity และ Emerging Markets”

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงได้ปัจจัยหนุนจากทริกเกอร์ฟันด์ ที่เริ่มทยอยออกมา ซึ่งคาดว่าจะน่าเริ่มเข้าตลาดได้ในช่วงสัปดาห์หน้า หลังจากที่มีการเสนอขาย 2 กองทุน มูลค่ารวมราว 2 พันล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมีความคืบหน้าเรื่องการเปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ ทำให้มีความคาดหวังว่าจะมีความคืบหน้าเรื่องการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐออกมาอีกในอนาคต ทำให้หุ้นในกลุ่มรับเหมาค่อนข้างแข็งกว่าภาพตลาดรวมในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/58 น่าจะทยอยออกมาครบในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งหลังจากนี้คงต้องติดตามดูว่าจะมีการปรับเปลี่ยนประมาณการกำไรของ บจ.อย่างไร แต่เบื้องต้นเห็นว่ามีแนวโน้มที่ลดลง

ส่วนแนวโน้มการซื้อขายในสัปดาห์หน้า คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับบริเวณ 1,428 และ 1,419 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,440 จุด โดยต้องติดตามตัวเลขข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะออกมาในคืนนี้เป็นสำคัญ