xs
xsm
sm
md
lg

เผยตลาดกลับมากังวลในเรื่อง fundflow อีกครั้ง คาดราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัวช่วงสั้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.โกลเบล็ก มองดัชนีตลาดหุ้นไทยยังผันผวนต่อเนื่อง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจของ ศก. โลกจะออกมาดี แต่สัญญาณเฟดขึ้น ดบ. ทำให้ตลาดกลับมากังวลในเรื่อง fundflow อีกครั้ง ขณะที่ตัวเลข ศก.ในประเทศที่เติบโตช้า และการส่งออกที่อาจจะไม่เห็นการขยายตัวยังถือเป็นปัจจัยลบที่สำคัญ จึงแนะนำกรอบดัชนี 1,425-1,455 จุด ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัวช่วงสั้น แนะแนวรับสำคัญ 1,075 เหรียญต่อทรอยออนซ์

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวเชิงบวกช่วงสั้นจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศที่ออกมาดี เช่น จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการในเดือน ก.ค. ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน ที่ 53.8 ซึ่งดัชนีที่สูงกว่า 50 ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคบริการของจีนมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า ส่วนสหรัฐฯ รายงานดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กในเดือน ก.ค. พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ที่ระดับ 68.8

อีกทั้งสถานการณ์ของกรีซ ก็มีความคืบหน้าเป็นลำดับ รัฐบาลกรีซคาดว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อทางเจ้าหนี้ได้ก่อนครบกำหนดชำระหนี้งวดใหม่มูลค่า 3.2 พันล้านยูโรให้แก่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 20 ส.ค.58

ส่วนปัจจัยบวกในประเทศมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐมีการเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ในช่วงสุดท้ายก่อนสิ้นงวดในเดือน ก.ย. โดยขณะนี้มีการเบิกจ่ายงบแล้วกว่า 74% และก่อนสิ้นปีงบประมาณรัฐน่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ถึง 90% และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี สนับสนุนการส่งออกในช่วงครึ่งหลังปี 58

ขณะที่ปัจจัยลบเป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์พิจารณาทบทวนเป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 58 ใหม่จากเดิมขยายตัวเล็กน้อยเป็นทรงตัว หรือหดตัว หลังจากถูกจัดอันดับอยู่ที่ระดับต่ำสุด (Tier 3) ในรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของประเทศไทย และการได้รับใบเหลืองจากกฎระเบียบเพื่อต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมายจากสหภาพยุโรป (IUU) ตั้งแต่เดือน เม.ย. 58 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกอาหารทะเล และการส่งออกสินค้าประเภทอื่นด้วย

รวมทั้งกรณีที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ทำให้ตลาดกลับมากังวลในเรื่อง fundflow อีกครั้ง

ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET โดยมองว่า ดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบ 1,425-1,455 จุด จึงแนะนำ “ซื้อ” เล่นรอบ (ลงซื้อ/ขึ้นขาย) โดย Selective buy หุ้นที่มีปัจจัยบวก เช่นกลุ่มสื่อสาร แนะนำADVANC , INTUCH จากที่มีความคืบหน้าการประมูล 4G ในเดือน พ.ย. และเป็นหุ้นปันผลครึ่งปีเด่น ทั้งนี้ ADVANC ประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหุ้นละ 6.5 บาท กำหนด ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 11 ส.ค.นี้

ส่วนที่รองลงมาเป็นหุ้นกลุ่มส่งออกได้แก่ กลุ่มอาหาร และอิเล็กทรอนิกส์ ได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า รวมทั้งหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2558 มีแววเด่น ได้แก่ PTTGC, BCP, TO P, THCOM, STPI, FSMART, MTLS, AAV และ SYNEX เช่นเดียวกับหุ้น ITD , ROJNA ได้ประโยชน์จากการเซ็นสัญญาโครงการพัฒนาทวายเฟสแรก เงื่อนไขขายพื้นที่ 60%ใน 3 ปี

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนในช่วงต้นสัปดาห์หลังรายงานดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนแรงงานที่กว้างที่สุด ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 33 ปี และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%

ทั้งนี้ ดัชนี ECI ถือเป็นมาตรวัดที่น่าเชื่อถือสำหรับภาวะตลาดแรงงาน และเป็นตัวคาดการณ์ที่ดีสำหรับอัตราเงินเฟ้อ ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจชะลอการตัดสินใจเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในทองคำ

อย่างไรก็ตาม ราคาทองยังมีแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เผยว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ ซึ่งได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือน ก.ย. ขณะที่นักลงทุนรอดูข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ก.ค. ที่จะรายงานในคืนวันศุกร์ที่ 7 ส.ค.นี้ เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เฟดจะใช้ประกอบการพิจารณาในการปรับนโยบายการเงิน ถ้าหากตัวเลขด้านตลาดแรงงานออกมาแข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ

ดังนั้น ประเมินว่าราคาทองมีโอกาสฟื้นตัวช่วงสั้น แม้แนวโน้มหลักราคาทองยังอยู่ในทิศทางขาลงและมีแนวต้านสัญญาณ DEAD CROSS กดดันอยู่ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นราคาทองยังอยู่ในกรอบพักตัวออกข้าง พร้อมกับค่าสัญญาณ RSI ลงมาในเขต OVER SOLD และเกิดสัญญาณ BULLISH DIVERGENCE ส่งผลให้ราคามีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทางเทคนิค แต่จะปรับขึ้นเป็นรอบสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากแนวโน้มลงยังกดดันอยู่โดยให้แนวรับ 1,075-1,070 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,100 -1,105 เหรียญต่อทรอยออนซ์


กำลังโหลดความคิดเห็น