ดอลลาร์แข็งกดดันราคาทองคำร่วงต่อเนื่อง

โบรกฯ เผยแนวโน้มราคาทองคำยังคงไหลลงต่อ เหตุ GDP ในไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสแรก ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นส่งผลให้ราคาทองคำปรับลดลง คาดราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,080-1,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

คุณศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา นักวิเคราะห์จาก บจ.ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำในรอบสัปดาห์นี้ยังคงปรับตัวในทิศทางลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่จากการที่ GDP ในไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสแรก ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำปรับลดลง จากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ 0-0.25% ต่อไป

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ พยายามผลักดันตัวเลขการจ้างงานให้ฟื้นตัวขึ้นเพื่อที่จะกระตุ้นความเชื่อมั่นในภาคเศรษฐกิจ ว่า อัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ในระดับต่ำก่อนที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลางก่อนที่จะดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป

ขณะเดียวกัน เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ เปิดเผย GDP ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งแรก ขยายตัว 2.3% หลังจากที่ขยายตัวเพียง 0.6% ในไตรมาสแรก โดยปัจจัยที่ทำให้ GDP ในไตรมาส 2 ขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสแรก มาจากยอดส่งออก และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งการใช้จ่ายในภาครัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ตาม GDP ในไตรมาส 2 ยังขยายตัวน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 2.6%

“ทั้งนี้ ประเมินว่า แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,080-1,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยมีกรอบแนวรับที่ 1,080 และ 1,077 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่กรอบแนวต้านจะอยู่ที่ 1,100 และ 1,110 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์”