ซีอีโอ “เคแบงก์” ห่วงภัยแล้งฉุดจีดีพี ปี 58 อาจโตได้ต่ำกว่า 3% แต่หากทำได้ตามเป้า 3% ก็ถือว่าน่าพอใจ ยอมรับธุรกิจแบงก์ได้รับผลกระทบจากภาวะ ศก. ชะลอตัว ย้ำปัญหาไม่เหมือนช่วงวิกฤตในปี 40 ส่วนกระแสการปรับ ครม. ในส่วนทีม ศก. ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ควรแก้ปัญหาให้ตรงจุด
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งเป็นปัจจัยลบสำคัญที่กระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่ประเทศไทยพบกับปัญหาลบหลายด้านรุมเร้า ทั้งมาตรฐานอุตสาหกรรมประมง ปัญหาการใช้แรงงานผิดกฎหมาย และปัญหามาตรฐานทางการบิน ดังนั้น หากสถานการณ์ภัยแล้งมีความรุนแรงมากกว่านี้อาจทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 3 ได้ แต่ขณะนี้ยังคงมองว่า เศรษฐกิจโตได้ร้อยละ 3 ซึ่งถือว่า เป็นอัตราน่าพอใจ
นายบัณฑูร ระบุว่า ปัญหาภัยแล้งถือว่าน่ากังวล เพราะกระทบทั้งประชาชนที่ไม่มีน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภค และเกษตรกร และคงจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้ไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้ แต่ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ไม่ได้เกิดวิกฤตเหมือนปี 2540 เพียงแต่เศรษฐกิจแผ่วลง และอาจจะสะดุดบ้าง แต่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน และอดทนที่จะฝ่าภาวะปัญหาในช่วงนี้ไปให้ได้ และต้องให้กำลังใจรัฐบาลในการแก้ปัญหา
ส่วนกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ นายบัณฑูร มองว่า ไม่ใช่ประเด็น เพราะมีข่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ที่สำคัญคือ ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด และประชาชนทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ซึ่งหากภาวะค่าครองชีพดีขึ้นก็เชื่อว่า เรื่องการประท้วงต่างๆ ก็จะลดลงในที่สุด
ส่วนการทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ในครึ่งปีหลัง ยอมรับว่า เป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กำไรของธนาคารก็คงจะเติบโตได้น้อย ขณะที่การปล่อยสินเชื่อคาดว่าจะโตร้อยละ 6 ซึ่งธนาคารคงจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่า จะต้องตั้งสำรองเพิ่มอีกหรือไม่ หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น โดยธนาคารได้ดูแล และประคองลูกค้าเดิม โดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้สามารถประคองตัว รอจนเศรษฐกิจฟื้นตัว
ส่วนลูกค้าใหม่คงมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าสินเชื่อที่ปล่อยไปจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจได้ ส่วนภาวะอัตราดอกเบี้ย คาดว่าจะทรงตัวในระดับต่ำ ซึ่งก็มีส่วนช่วยให้เงินบาทอ่อนค่า และทำให้การส่งออกได้ประโยชน์มากกว่าเดิมด้วย
นายบัณฑูร กล่าวถึงปัญหาฟองสบู่ในตลาดหุ้นจีนที่ผ่านมาว่า มีผลกระทบต่อธนาคารทุกแห่งในจีน ซึ่งธนาคารกสิกรไทย ก็ระมัดระวัง เพราะรู้ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง โดยตั้งเป้าหมายจะเป็นธนาคารท้องถิ่นที่จดทะเบียนในประเทศจีน และรับฝากเงินหยวนได้ ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง