หุ้นเช้าปิดลบ 5.12 จุด อ่อนตัวกว่าตลาดในภูมิภาค โบรกฯ ยอมรับเป็นผลจาก outlook ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทาง รมว.คลัง ได้ออกมาระบุว่า ตัวเลข GDP ของไทยในครึ่งปีหลังน่าจะแย่กว่าครึ่งปีแรก และก็มี House ขนาดใหญ่เริ่มออกมาปรับลดประมาณการ GDP ด้วย จึงมีแรงขายหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงาน ขณะที่หลายบริษัท และนักวิเคราะห์ก็เริ่มมีการปรับลดประมาณการเติบโตแล้ว ย้ำตลาดฯ เริ่มเป็นกังวลเศรษฐกิจภายในประเทศ
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ (16 ก.ค.) ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลง และดูเหมือนว่าจะอ่อนตัวกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย หลังเรื่องของกรีซ ได้มีลงมติผ่านแผนปฏิรูปฯ ต่อที่ประชุมรัฐสภาไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ปัจจัยที่มากดดันตลาดฯ มาจากเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง หลังจากที่อิหร่านสามารถตกลงกับประเทศตะวันตกได้ ทำให้ทางอิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันได้ จึงมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง แต่สำหรับตลาดบ้านเราปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบน่าจะมาจากเรื่อง outlook ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทาง รมว.คลัง ได้ออกมาระบุว่า ตัวเลข GDP ของไทยในครึ่งปีหลัง (H2/58) น่าจะแย่กว่าครึ่งปีแรก (H1/58) และก็มี House ใหญ่ๆ เริ่มออกมาปรับลดประมาณการ GDP ด้วย ทำให้คนคิดว่าเศรษฐกิจอาจจะไม่ดีกว่าที่คาดหรือเปล่า จึงได้มีแรงขายหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงานออกมา
นอกจากนี้ หลายบริษัทฯ เริ่มที่จะออกมาปรับลดประมาณการปีนี้กันแล้ว รวมถึงนักวิเคราะห์ฯ ก็คงจะปรับลดประมาณการด้วยเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นผลจากเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่ขยายตัวเท่าไร
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,481.62 จุด ลดลง 5.12 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.34% มูลค่าการซื้อขาย 20,848.78 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยคงจะแกว่งตัวในแดนลบอยู่ หลังจากได้รับรู้เรื่องของกรีซไปแล้ว แต่ตลาดเริ่มเป็นกังวลเรื่องเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ดี นักลงทุนสามารถเลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัวได้ โดยมองกลุ่ม ICT น่าจะเป็นจุดพักเงินที่ดีได้ในตอนนี้ จากที่นายกฯ ให้ดำเนินการการประมูล 4G ได้ พร้อมให้แนวรับ 1,480-1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490 จุด
