KTC ยอมรับเป้าบัตรใหม่ 4 แสนใบปีนี้ ทำได้ยาก ผลงาน 5 เดือนแรก ยังทำได้ต่ำกว่าที่ตั้งเอาไว้ ครวญลูกค้าบัตรใหม่น้อย เล็งคุม NPL ให้ต่ำกว่า 1%
นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจบัตรเครดิต บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าการเพิ่มยอดบัตรใหม่ในปีนี้ที่ 4 แสนใบ แม้ว่า 5 เดือนแรกจะมียอดบัตรใหม่เพียง 1.2 แสนใบ ซึ่งบริษัท มองว่า การทำให้ได้ตามเป้าหมายค่อนข้างยาก แต่บริษัทก็ยังไม่มีการปรับเป้าหมายดังกล่าวลดลง และเร็วๆ นี้ บริษัทจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นมานำเสนอแก่ลูกค้า เพื่อช่วยบผลักดันยอดบัตรใหม่ให้เพิ่มขึ้น
“เรามองสถานการณ์ตอนนี้ก็ค่อนข้างยากที่จะทำให้จำนวนบัตรใหม่ตามเป้าที่ 4 แสนใบ เพราะถึงเดือนพฤษภาที่ผ่านมา มีจำนวนบัตรใหม่แค่ 1.2 แสนใบ แต่เร็วนี้ก็จะมีออกบัตรใหม่สร้างเซอร์ไพร์สออกมา เพื่อช่วยเสริมให้ยอดบัตรใหม่เป็นไปตามเป้า ส่วนเกณฑ์การอนุมัติบัตรในปัจจุบันเราก็ไม่เข้มงวดมาก อัตราที่เราดูว่าจะ approve นั้นก็ลดลงเป็น 45-50% จากเดิมที่ 55% แต่การดูเอกสารประกอบการ approve เราก็ขอดูละเอียดหน่อย”
ขณะที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในช่วงไตรมาส 3/58 คาดว่า จะมีการเติบโตต่ำกว่าไตรมาส 2/58 ที่เติบโต 12% เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3/58 เป็นช่วงที่ผู้คนไม่ค่อยมีการจับจ่ายใช้สอยกันมากนัก แต่บริษัทก็จะมีการออกแคมเปญใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยเฉพาะการออกแคมเปญการตลาดที่หลากหลายและครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ อย่างเช่น แคมเปญการตลาด “เคทีซี จีโอ โก มัลดีฟส์ และฮ่องกง” หลังศึกษาพฤติกรรมการใช้จ่ายของสมาชิกกลุ่มภูมิภาคที่เน้นความคุ้มค่า และชื่นชอบการลุ้นรับรางวัล เพื่อกระตุ้นยอดการใช้จ่ายของสมาชิกในหมวดอาหาร ชอปปิ้ง สถานีบริการน้ำมัน ท่องเที่ยว เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งปรับปรุงบ้าน
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เห็นว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของลูกค้าต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7,000 บาท/บัตร/วัน จากปีก่อนที่ 6,100 บาท/บัตร/วัน ซึ่งสูงกว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรของลูกค้าในกรุงเทพฯ ที่ 6,500 บาท/บัตร/วัน ซึ่งทำให้บริษัทมีการออกแคมเปญการตลาดในต่างจังหวัดมากขึ้น และเพื่อให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งปี 58 ของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายเติบโต 15%
สำหรับสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบริษัทในช่วง 5 เดือนแรกนั้นอยู่ที่ 1.6% และบริษัทตั้งเป้าลด NPL ในปีนี้เหลือราว 1%