โบรกฯ ชี้ผลกระทบกรีซรอบนี้ส่งผลต่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า อาจกระทบธุรกิจนำเข้า แต่น่าจะเป็นผลดีต่อการส่งออก เชื่อกระทบตลาดหุ้นไม่มากนัก เพราะต่างชาติถือครองต่ำสุดในรอบ 10 ปี คาดภาคบ่ายมีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้นกว่าเมื่อช่วงเช้า
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าปรับตัวลงไปแรง 17 จุด มีลักษณะเช่นเดียวกับตลาดในต่างประเทศ จากความวิตกกังวลการเจรจาข้อตกลงการชำระหนี้ของกรีซยังไม่มีข้อสรุป และมีความเสี่ยงสูงที่จะผิดนัดชำระหนี้ รวมทั้งออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มยูโรโซน ซึ่งส่งผลต่อ Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องกรีซยังกระทบให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร ผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจของไทยที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่อีกทางหนึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจส่งออก และบริษัทที่มีการบันทึกผลประกอบการเป็นดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งมองว่าอาจไม่ได้กระทบต่อกระแสเงินทุนต่างชาติมากนัก เพราะตอนนี้นักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนไม่มากแล้ว โดยต่ำสุดในรอบ 10 ปี
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย นายประกิต กล่าวว่า ดัชนีมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นจากช่วงเช้าที่ร่วงลงไปแรง แต่นอกจากปัจจัยต่างประเทศแล้ว นักลงทุนยังควรมองปัจจัยภายในประเทศเกี่ยวกับการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยหลังมีภัยแล้งเข้ามากระทบ และ Valuation ตลาดหุ้นไทยที่นักลงทุนมองว่าแพง ขณะที่ต้องจับตาผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/58 ที่กำลังจะทยอยออกมาด้วย หากไม่ดีก็มีโอกาสที่จะถูกปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลง พร้อมให้แนวต้าน 1,508 จุด แนวรับ 1,495 จุด