อดีตขุนคลัง “ธีระชัย” แนะจับตาสถานการณ์โลก “กรีซ-เยอรมนี” โดยมีเบื้องหลังการเมืองของทั้ง 2 ประเทศ และกำลังจะมีบทบาทขับเคลื่อนตลาดเงินตลาดทุนของโลก คาดจะมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (17 มิ.ย.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thirachai Phuvanatnaranubala” โดยหยิบยกบทความของคอลัมนิสต์ของไฟแนนเชียลไทมส์ จากเว็บไซต์ www.greekcrisis.net มาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่สหภาพยุโรปบีบให้รัฐบาลกรีซยอมรับมาตรการรัดเข็มขัด โดยมองว่า เรื่องดังกล่าวจะคลี่คลายได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองของกรีซ และเยอรมนี และจะส่งผลต่อตลาดเงินตลาดทุนของโลกอย่างกว้างขวาง
โดยข้อความระบุว่า กรณีกรีซ บทความโดยคอลัมนิสต์ของไฟแนนเชียลไทมส์นี้ แสดงตัวเลขที่คำนวณแบบคร่าวๆ ถ้าหากกรีซยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดที่ยุโรปกำลังบีบอยู่ขณะนี้ จะทำให้อัตราขยายตัวของ GDP ในช่วง 4 ปีข้างหน้า ลดลงถึง 12.6% และจะทำให้หนี้สาธารณะต่อ GDP สูงขึ้นใกล้ 200%
พูดง่ายๆ ถ้ารัฐบาลกรีซรับมาตรการนี้ อนาคตทางการเมืองของพรรครัฐบาลนี้จะดับวูบลงในไม่กี่ปี และดับแบบฟื้นไม่ขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าหากไม่ยอมรับมาตรการแล้วสถานการณ์ผลักให้ต้องออกจากยูโร
ทั้งนี้ ช่วงปีแรกจะโกลาหลสุดๆ จะต้องประกาศห้ามถอนเงินจากแบงก์ชั่วคราว ห้ามโอนเงินต่างประเทศชั่วคราว เงินสกุลแดร็กม่าที่จะนำกลับมาใหม่จะต้องกำหนดให้อ่อนอย่างหนัก
แต่หลังจากนั้น มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะฟื้นเหมือนไทยหลังต้มยำกุ้ง ค่าเงินที่อ่อนฮวบลงจะทำให้กรีซกลับมาแข่งขันได้ดี พรรครัฐบาลนี้มีโอกาสจะกลายเป็นฮีโร่ก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อเปรียบเทียบทางเลือกอย่างนี้ นายกฯ กรีซจึงเลือกเจรจาแบบแข็งกร้าว เพราะยังจะมีโอกาสรอดมากกว่า
ส่วนกรณีเยอรมนี ถ้าหากยอมอ่อนข้อให้กรีซ ก็จะเปิดให้ประเทศอื่นๆ เรียกร้องขอตามกรีซ ซึ่งในทางการเมืองของเยอรมนี ประชาชนก็จะรับทางเลือกนี้ไม่ได้ ดังนั้น จุดจบของละครกรีกเรื่องนี้ดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองของสองประเทศนี้เป็นหลัก
สถานการณ์ในกรีซ นายกฯ เขาพยายามวาดภาพให้ชาวกรีกเห็นว่า เจ้าหนี้นั้นเป็นปิศาจ แม้แต่ไอเอ็มเอฟ สถานการณ์ในเยอรมนี ผู้นำพยายามแสดงจุดยืนให้ชาวเยอรมนีว่า ให้โอกาสกรีซเต็มที่แล้ว การเมืองภายในสองประเทศนี้กำลังขับเคลื่อนตลาดเงินตลาดทุนของโลก และจะมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง
