หุ้นไทยทำรีบาวนด์ ดัชนีฯ ปิดบวก 5.20 จุด ลุ้นดัชนีฯ ฮึดทดสอบ 1,500 จุด อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นแนวฟิวเตอร์ หากไม่ผ่าน อาจลงไปทำนิวโลว์ที่ระดับ 1,450 จุด ระบุ นักลงทุนต่างชาติ และสถาบันฯ ยังไม่ส่งสัญญาณการเข้าซื้อหุ้นชัดเจน ทำให้ตลาดฯ ขาดแรงหนุนที่จะส่งให้ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แนะจับตาตัวเลข ศก.สหรัฐฯ ส่วนประเด็นกรีซ คาดไม่มี impact มากนัก และเจรจาประนีประนอมกันได้
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (3 มิ.ย.) ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,482.07 จุด เพิ่มขึ้น 5.20 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.35% มูลค่าการซื้อขาย 36,478.77 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,487.38 จุด ส่วนดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,477.15 จุด
ด้านสัดส่วนการลงทุน นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 469.09 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 270.73 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 847.37 ล้านบาท นักลงทุนภายในประเทศ ซื้อสุทธิ 649.01 ล้านบาท
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวรีบาวนด์หลังจากที่ได้ปรับตัวลงมากในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งการเด้งกลับก็ต้องดูว่าจะสามารถยืนเหนือ 1,500 จุดได้หรือไม่ ถ้าไม่ผ่านก็อาจจะต้องปรับตัวลงอีกรอบ และอาจจะมีการทำ New low แถว 1,450-1,460 จุด
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ทั้งนี้ นักลงทุนยังรอดูเรื่องของกรีซว่าจะผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ และรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้ (5 มิ.ย.) ซึ่งอาจมีผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ด้วย อย่างไรก็ดี ตลาดฯ ต่างก็ขึ้นกับทิศทางเศรษฐกิจ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และทิศทางราคาน้ำมันด้วย
ส่วนเรื่องของกรีซอาจจะไม่มี impact มากนัก เมื่อพิจารณาจากดัชนีฯ ของทางยุโรปที่มีการแกว่งแคบ โดยมองว่า ในวันที่ 5 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ กรีซและเจ้าหนี้อาจจะมีการประนีประนอมกันได้ ทำให้กรีซไม่น่าจะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งทำให้ตลาดยุโรปไม่ลงแรง
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (4 มิ.ย.) คาดว่ายังมีลุ้นดัชนีฯ ขึ้นเหนือ 1,500 จุด แต่ถ้าไม่ได้ก็แนะนำให้ขายก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,450-1,460 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,500 จุด ซึ่งเป็นแนวฟิวเตอร์ด้วย
ด้านนักวิเคราะห์ บล. ฟิลลิป ระบุว่า ตลาดห้นไทยผันผวนในแดนบวก แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคของไทยยังกดดัน ขณะที่ธนาคารโลก เปิดเผยจีดีพีไทยปีนีโตเพียง 3.5% อีกทั้งประเด็นปัญหาหนี้ของกรีซยังไม่คลี่คลาย อาจมีแรงกดดันจากภายนอก
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติและสถาบันฯ ยังไม่ส่งสัญญาณการเข้าซื้อหุ้นชัดเจน จึงขาดแรงหนุนที่จะส่งให้ตลาดหุ้นฟื้นตัว ได้อย่างแข็งแกร่ง
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
TIPCO มูลค่าการซื้อขาย 2,530.20 ล้านบาท ปิดที่ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,802.90 ล้านบาท ปิดที่ 340.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,643.07 ล้านบาท ปิดที่ 195.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
TASCO มูลค่าการซื้อขาย 1,565.28 ล้านบาท ปิดที่ 19.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
ITD มูลค่าการซื้อขาย 1,303.22 ล้านบาท ปิดที่ 8.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
