แม็คกรุ๊ป ฟันรายได้จากการขายในไตรมาส 1 ปี 2558 จำนวนกว่า 892 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน เน้นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในการเปิดร้านค้าปลีกของตนเอง แต่ธุรกิจยังคงได้รับผลกระทบจากการบริโภคโดยรวมที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนทำให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิลดลง 6% เหลือเพียง 195 ล้านบาท
นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป หรือ MC กล่าวว่า สำหรับปี 2558 นี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานธุรกิจปัจจุบัน ผ่านการขยายจุดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางจำหน่ายใหม่ๆในประเทศ เช่น ในสถานีบริการน้ำมันของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท) ซึ่งร้านแรกเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และในส่วนของต่างประเทศนั้น บริษัทได้มีการเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายสำหรับประเทศกัมพูชา เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ การพัฒนาและการนำเสนอสินค้ากลุ่มใหม่อย่างต่อเนื่องนับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หลัก
ขณะที่นางนฤมล สิงหเสนี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ กล่าวว่า รายได้จากการขายของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 โดยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายยังคงเป็นปัจจัยหลักของการเติบโต ซึ่งในไตรมาสนี้ บริษัทมีจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 11 แห่ง แบ่งเป็นร้านค้าปลีกของตนเอง 8 แห่ง ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 2 แห่ง และ ต่างประเทศ 1 แห่ง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการขยายร้านค้าปลีกของตนเอง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจสู่ธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและสินค้าไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยสัดส่วนของรายได้จากร้านค้าปลีกของบริษัทสะท้อนไปในทิศทางเดียวกัน ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 50% เพิ่มขึ้นจาก 46% ในช่วงเดียวกันปีก่อน
ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นมีการปรับตัวที่ดีขึ้นจากการควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและสัดส่วนรายได้การขายจากร้านค้าปลีกของบริษัทที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนที่ยังไม่ปรากฏให้เห็นชัดเจน ยังคงส่งผลกระทบระยะสั้นต่ออัตรากำไรสุทธิของบริษัท โดยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 21.4% ลดลงเล็กน้อยจาก 23.6% ในไตรมาส 1 ปี 2557 ทั้งนี้เป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการขายที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการขยายจุดจำหน่ายและทีมงานเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ในขณะที่ยอดขายเติบโตในอัตราที่ช้ากว่า โดยทีมงานมีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายต่อยอดขายในส่วนนี้ ผ่านการเพิ่มยอดขายต่อร้านเดิม ด้วยการพัฒนาและการนำเสนอสินค้ากลุ่มใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค พร้อมกับการเลือกสินค้าให้เหมาะสมกับตลาดในแต่ละพื้นที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งในไตรมาสนี้ บริษัทได้เปิดตัวกระเป๋าเดินทาง สินค้าใหม่ที่นำเข้ามาทำตลาดเพื่อขยายธุรกิจจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมเดินทางเพิ่มมากขึ้น
นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป หรือ MC กล่าวว่า สำหรับปี 2558 นี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานธุรกิจปัจจุบัน ผ่านการขยายจุดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางจำหน่ายใหม่ๆในประเทศ เช่น ในสถานีบริการน้ำมันของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท) ซึ่งร้านแรกเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และในส่วนของต่างประเทศนั้น บริษัทได้มีการเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายสำหรับประเทศกัมพูชา เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ การพัฒนาและการนำเสนอสินค้ากลุ่มใหม่อย่างต่อเนื่องนับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หลัก
ขณะที่นางนฤมล สิงหเสนี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ กล่าวว่า รายได้จากการขายของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 โดยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายยังคงเป็นปัจจัยหลักของการเติบโต ซึ่งในไตรมาสนี้ บริษัทมีจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 11 แห่ง แบ่งเป็นร้านค้าปลีกของตนเอง 8 แห่ง ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 2 แห่ง และ ต่างประเทศ 1 แห่ง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการขยายร้านค้าปลีกของตนเอง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจสู่ธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและสินค้าไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยสัดส่วนของรายได้จากร้านค้าปลีกของบริษัทสะท้อนไปในทิศทางเดียวกัน ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 50% เพิ่มขึ้นจาก 46% ในช่วงเดียวกันปีก่อน
ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นมีการปรับตัวที่ดีขึ้นจากการควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและสัดส่วนรายได้การขายจากร้านค้าปลีกของบริษัทที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนที่ยังไม่ปรากฏให้เห็นชัดเจน ยังคงส่งผลกระทบระยะสั้นต่ออัตรากำไรสุทธิของบริษัท โดยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 21.4% ลดลงเล็กน้อยจาก 23.6% ในไตรมาส 1 ปี 2557 ทั้งนี้เป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการขายที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการขยายจุดจำหน่ายและทีมงานเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ในขณะที่ยอดขายเติบโตในอัตราที่ช้ากว่า โดยทีมงานมีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายต่อยอดขายในส่วนนี้ ผ่านการเพิ่มยอดขายต่อร้านเดิม ด้วยการพัฒนาและการนำเสนอสินค้ากลุ่มใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค พร้อมกับการเลือกสินค้าให้เหมาะสมกับตลาดในแต่ละพื้นที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งในไตรมาสนี้ บริษัทได้เปิดตัวกระเป๋าเดินทาง สินค้าใหม่ที่นำเข้ามาทำตลาดเพื่อขยายธุรกิจจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมเดินทางเพิ่มมากขึ้น