เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ ไตรมาสแรกกำไร 272 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.52 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท ส่วนรายได้ไม่แพ้กันพุ่งแตะ 3,541 ล้านบาท เหตุดีมานด์ใช้ถ่านหินเพิ่ม หนุนออเดอร์ไม่ขาดมือ “ขจรพงศ์ คำดี” เผยปีนี้เน้นรุกตลาดซื้อขายภายในประเทศจีนมากขึ้น หนุนธุรกิจบริษัทเติบโตอย่างมีศักยภาพ
นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2558 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 มีกำไรสุทธิ 272 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.52% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2557 ที่มีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท โดยสาเหตุมาจากบริษัทมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3,541 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,649 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 33.67% เนื่องจากบริษัทประสบความสำเร็จในการขยายตลาดทั้งใน และต่างประเทศ ตามความต้องการถ่านหินของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังคงเดินหน้าผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยปีนี้จะหันมาเน้นการซื้อขายถ่านหินภายในประเทศจีนมากยิ่งขึ้น ภายหลังจากที่ได้ตั้งบริษัทย่อยเพื่อทำธุรกิจซื้อขายถ่านหินในประเทศจีนไปก่อนหน้านี้
โดยบริษัทฯ มีแหล่งซัปพลายถ่านหินใหม่ภายในประเทศจีน จำหน่ายตรง และขนส่งถ่านหินตรงไปยังโรงไฟฟ้าทั่วประเทศจีน ทั้งทางเรือ ทางบก และทางรถไฟ เนื่องจากเชื่อว่าลูกค้ากลุ่มดังกล่าวยังจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้ถ่านหินของจีนที่อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านตัน ขณะที่ในปีที่ผ่านมา EARTH จำหน่ายถ่านหินให้จีนเพียง 4 ล้านตันเท่านั้น ซึ่งหากแผนธุรกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ เชื่อว่าจะส่งผลทำให้ธุรกิจของบริษัทขยายตัวได้มากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน
“EARTH ยังคงทำในสิ่งที่ชำนาญ คือ ถ่านหิน และขยายธุรกิจไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียให้ครบ 5 ประเทศ ตามแผนที่ได้วางไว้ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทซื้อขายถ่านหินกับต่างประเทศประมาณ 70% โดยฐานลูกค้ารายใหญ่คือ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ อีก 30% ขายในประเทศไทย โดยบริษัทมีโอกาสอีกมากในการจัดจำหน่ายถ่านหินให้แก่คู่ค้าทางธุรกิจ เนื่องจากคาดว่าผู้บริโภคถ่านหินรายใหญ่ในภูมิภาคทั้งประเทศจีน และอินเดียจะมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในอนาคต โดยเชื่อว่าในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกได้ จากการขยายเพิ่มซัปพลายเออร์ในประเทศจีน และขายให้แก่โรงไฟฟ้ารายใหม่หลายแห่งในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตได้อีกมหาศาล และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และยังคงเป้าปริมาณการจัดจำหน่ายถ่านหินปีนี้ไว้ที่ 10 ล้านตัน” นายขจรพงศ์ กล่าว