SPCG โวธุรกิจโตกระฉูดร้อยละ 106 ไตรมาส 1/58 ฟาดกำไรสุทธิ 557 ล้าน หลังบันทึกรายได้โซลาร์ฟาร์มเต็มทุกโครงการ ผู้บริหารประกาศลุยต่อโซลารูฟท็อป โบรกชี้อัปไซด์เพียบร้อยละ 33 เป้าหมายไกล 36 บาท
น.ส.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาส 1/58 บริษัทมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น จำนวน 557 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 106% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 270 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการให้บริการ จำนวน 1,356 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 65% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำรายได้ 819 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น จำนวน 919 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ได้กำไรขั้นต้น 596 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากการขายและการให้บริการรวมปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยมาจากบริษัทย่อย จำนวน 9 บริษัท ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ส่งผลให้รายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จำนวน 397 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (อุดรธานี 1) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (สุรินทร์ 3) จำกัด, บริษัท โซล่าเพาเวอร์ (สกลนคร 2) จำกัด และบริษัท โซล่า เพาเวอร์ (เลย 2) จำกัด รวม 4 บริษัท เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเดือนเมษายน 2557
นอกจากนี้ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 6) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 9) จำกัด และ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 10) จำกัด รวม 3 บริษัท เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคม 2557 ส่วนบริษัท โซล่า เพาเวอร์ (สุรินทร์ 1) จำกัด, บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (สุรินทร์ 2) จำกัด รวม 2 บริษัท เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเดือนมิถุนายน 2557
น.ส.วันดี กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีรายได้จากการขายพร้อมติดตั้งสำหรับไตรมาสที่ 1/58 จำนวน 213 ล้านบาท โดยปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของในปีก่อน 189% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายในส่วนของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่ได้เริ่มดำเนินธุรกิจเต็มปี ส่วนต้นทุนทางการเงินงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 จำนวน 233.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2557 ที่อยู่ที่ระดับ 215.59 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยจ่ายและค่าธรรมเนียมการกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมาจากทั้งส่วนของเงินกู้ในส่วนของโซลาร์ฟาร์ม (Project Finance) และหุ้นกู้ สอดคล้องต่อการเพิ่มขึ้นอย่างเป็นสาระสำคัญของเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ในงบแสดงฐานะทางการเงิน
ทั้งนี้ โบรกเกอร์ชี้ว่า SPCG แจ้งกำไรสุทธิ 557 ล้านบาท ถือว่าโตขึ้นจากปีก่อน 106% ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้ าและส่งผลให้กำไรโตขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะทำเพิ่มเติมรวมทั้งโซลาร์รูฟท็อปอีกด้วย สำหรับมูลค่าที่เหมาะสมประเมินเบื้องต้น หากให้ค่า P/E ระดับ 15 เท่าจะมีเป้าหมายราคาพื้นฐาน 36 บาท จากกำลังการผลิตในปัจจุบันไม่นับที่จะได้มาในอนาคตอีก จึงถือเป็นหุ้นที่น่าลงทุนอย่างมากในจังหวะที่ราคากำลังย่อตัวลงตามตลาด ประกอบกับบริษัทตั้งเป้าอนาคตในจะมีกำลังการผลิตรวมได้ไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์