xs
xsm
sm
md
lg

ลีสซิ่งกสิกรฯกำไรลด-สินเชื่อฝืดตามตลาดรถ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลีสซิ่งกสิกรไทยไตรมาสแรกสินเชื่อปล่อยใหม่ลด 1.15% กำไร 70 ล้าน ลดลง 38.15% จากการตั้งสำรองเพิ่ม แต่ยอดสินเชื่อคงค้างยังเป็นบวก บริษัทลีสซิ่งเริ่มหันปล่อยกู้สินเชื่อรถแลกเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าคาดปีนี้จะโต 15-18%

นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัดในไตรมาสแรกปี 58 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 15,161 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกของปีที่แล้ว 1.15% แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์ใหม่ 7,688 ล้านบาท ลดลง 9.42% และเป็นสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Floor Plan) 7,473 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาสแรกปีก่อน 9.12%

ขณะที่สินเชื่อคงค้าง(Loan Outstanding) ของบริษัท อยู่ที่ 89,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 682 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2557 หรือเพิ่มขึ้น 0.77% โดยมีสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.21% ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2558 ของบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย มีกำไร 70 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 38.15%เนื่องจากบริษัทฯได้มีการตั้งสำรองส่วนเกินเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคตเพิ่มเติม

"จากสถานการณ์ตลาดรถยนต์ของไทยใน 3 เดือนแรกปีนี้ ยอดขายรวมยังลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว รายได้เกษตรกรทรงตัวในระดับต่ำ ซึ่งมีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อ ขณะที่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย ส่งผลต่อธุรกิจลีสซิ่งชะลอตัวลงตามภาวะตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศด้วย"

ด้านตลาดรถแลกเงิน ณ สิ้นปี 2557 ขยายตัวประมาณ 13.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ใกล้เคียงกับที่ขยายตัว 12.5% ในปี 2556 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเบื้องต้น เดือนมกราคม 2558 ยอดคงค้างสินเชื่อตลาดรถแลกเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 15,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2557 ซึ่งเป็นสัญญาณที่สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านราคารถใช้แล้วที่เริ่มนิ่ง ทำให้บริษัทลีสซิ่งมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อรถแลกเงินเพิ่มขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนดี จึงคาดว่าสินเชื่อตลาดรถแลกเงินในปี 2558 น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 15-18% เป็นประมาณ 6.7-6.9 แสนล้านบาท เทียบกับ 5.8 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2557

นายสุรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าตลาดรถยนต์ปี 2558 นี้ น่าจะมีสภาพที่ซบเซาไม่ต่างจากปีก่อน และมีผลทำให้ค่ายรถต่างๆ อาจจะต้องปรับประมาณการยอดขายรถยนต์ลงไปต่ำกว่าที่เคยมองอยู่ที่เหนือระดับ 900,000 คัน ในช่วงต้นปี โดยประเภทรถที่อาจได้รับผลกระทบมาก คือ รถยนต์อีโคคาร์ และรถกระบะ (ยกเว้น Double Cab)
กำลังโหลดความคิดเห็น