ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ KC แจงการปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ของ “ภัทรภพ อิทธิสัญญากร” ภายใน 20 มีนาคมนี้ และยังคงสั่งห้ามซื้อขายหุ้นต่อไปจนกว่าจะได้ข้อมูลชัดเจน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้บริษัท เค.ซี. พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC ชี้แจงข้อมูลกรณี นายภัทรภพ อิทธิสัญญากร ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ตามที่ได้เคยประกาศเจตนาไว้ ทั้งที่ในระยะที่ผ่านมา KC ได้ชี้แจงข้อมูลมาโดยตลอดว่า ได้รับคำยืนยันจากนายภัทรภพ ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ส่วนที่เหลือทั้งหมด ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจทำให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปสำคัญผิด รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่และการประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อเป็นข้อมูลที่มีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ และการตัดสินใจลงทุนของผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ KC ยังชี้แจงข้อมูลสำคัญไม่ครบถ้วน
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงให้ KC ชี้แจงการปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ของนายภัทรภพ และผลกระทบต่ออำนาจการควบคุมกิจการและทิศทางการประกอบธุรกิจของบริษัท ภายในวันที่ 20 มีนาคม 2558 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงสั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ของ KC ต่อไปจนกว่าจะได้รับการชี้แจงที่ครบถ้วน และชัดเจนจากบริษัท
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท เค.ซี.พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (KC) ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2558 เนื่องจากปรากฏข้อมูลว่า นายภัทรภพ อิทธิสัญญากร (นายภัทรภพ) ได้ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC (Tender offer) แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมิได้รับแจ้งจากบริษัท ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุน และต่อมา เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2558 เวลา 18.26 น. KC ได้แจ้งข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า KC ได้รับแจ้งจากนายภัทรภพ เกี่ยวกับการยื่นแบบประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ KC ตามที่ได้เคยประกาศเจตนาไว้ เนื่องจาก KC ได้แก้ไขและเพิ่มเติมคำชี้แจงต่างไปจากเนื้อหาที่สำคัญที่ นายภัทรภพ ส่งให้แก่ KC และการได้มาซึ่งหุ้นของ KC มิได้เป็นไปตามสัญญาซื้อขายหุ้นฉบับลงวันที่ 10 มกราคม 2558 โดย KC ได้ชี้แจงว่าข้อมูลที่บริษัทเปิดเผยและชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 ได้มีการหารือและได้รับความเห็นชอบจากนายภัทรภพ และการซื้อขายหุ้นได้เป็นไปตามสัญญาซื้อขาย ลงวันที่ 10 มกราคม 2558 แล้ว
เนื่องจากในระยะที่ผ่านมา KC ได้ชี้แจงข้อมูลมาโดยตลอดว่าได้รับคำยืนยันจากนายภัทรภพ ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC แต่ต่อมานายภัทรภพ ได้ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ตามที่ได้เคยประกาศเจตนาไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั่วไปสำคัญผิดรวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่และการประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อเป็นข้อมูลที่มีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ และการตัดสินใจลงทุนของผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ KC ยังชี้แจงข้อมูลสำคัญไม่ครบถ้วน
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ KC ชี้แจงข้อมูลในประเด็นต่างๆ ภายในวันที่ 20 มีนาคม 2558 และยังคงห้ามซื้อขายหุ้น KC ต่อไป
1.การประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC เนื่องจากตามที่ KC ชี้แจงว่า ได้มีการหารือและได้รับความเห็นชอบจากนายภัทรภพ ว่า จะจัดทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ส่วนที่เหลือทั้งหมดเมื่อได้ทำการซื้อหุ้นตามสัญญาซื้อขายแล้ว รวมทั้งที่ผ่านมา KC ได้ชี้แจงมาโดยตลอดว่าได้รับคำยืนยันจากนายภัทรภพ ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC
จึงขอให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุใดนายภัทรภพ จึงประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ในวันที่ 16 มีนาคม 2558 ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียง 5 วัน ภายหลังจากที่นายภัทรภพ ซื้อหุ้น KC ได้ครบจำนวนตามสัญญาซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558
กรณีความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบต่อกรณีที่ นายชาย งามอัจฉริยะกุล
ในฐานะกรรมการผู้จัดการและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ทำสัญญาซื้อขายหุ้น KC กับนายภัทรภพโดยระบุว่า นายภัทรภพ จะทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ส่วนที่เหลือทั้งหมดเมื่อได้ทำการซื้อหุ้นตามสัญญาซื้อขายแล้ว แต่ต่อมานายภัทรภพ ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ทั้งที่ได้เคยแสดงเจตนาไว้ และชี้แจงแนวทางดำเนินการต่อกรณีดังกล่าวซึ่งอาจทำให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปอาจสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
2.เปรียบเทียบโครงสร้างการถือหุ้นก่อนและหลังจากที่กลุ่มนายชาย งามอัจฉริยะกุล ขายหุ้น KC ให้แก่นายภัทรภพ และปัจจุบันนายภัทรภพ ถือหุ้น KC เป็นจำนวนเท่าใด
3.ขอให้ชี้แจงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการบริหารงาน และการประกอบธุรกิจของ KC ว่าภายหลังจากที่กลุ่ม นายชาย งามอัจฉริยะกุล ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KCได้ขายหุ้น จำนวน 514,155,500 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 58.76 ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัทให้แก่ นายภัทรภพ และต่อมา นายภัทรภพ ได้ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวและจะลดสัดส่วนการถือหุ้นใน KC ลง โดยให้อธิบายว่า โครงสร้างการบริหารจัดการและทิศทางการประกอบธุรกิจของบริษัท จะยังคงเป็นไปตามที่ KC ได้เคยชี้แจงว่าจะยังคงประกอบธุรกิจหลักในด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อไปเช่นเดิม โดยนายภัทรภพ จะเสนอกรรมการเข้ามาร่วมบริหาร แต่จะยังคงนายชาย งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการ และนายสมศักดิ์ งามอัจฉริยะกุล เป็นกรรมการ หรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ ในระยะที่ผ่านมา KC ได้เปิดเผยสารสนเทศผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ส่วนที่เหลือทั้งหมด สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
12 มกราคม 2558 บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากนายชาย งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทว่า นายชาย และผู้ถือหุ้นรายอื่น “ผู้ขาย” ซึ่งถือหุ้นในบริษัท รวม 514,155,500 หุ้น คิดเป็น 58.76% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัท ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น ลงวันที่ 10 มกราคม 2558 ต่อนายภัทรภพ อิทธิสัญญากร “ผู้ซื้อ” ในราคาหุ้นละ 2.61 บาท คิดเป็นมูลค่าการเข้าทำรายการรวมทั้งสิ้น 1,341,945,855 บาท โดยผู้ซื้อจะเข้าทำการซื้อหุ้นจากผู้ขายภายใน 60 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญาซื้อขาย (ภายในวันที่ 9 มีนาคม 2558)
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 KC ได้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมตามที่ได้รับแจ้งจากนายภัทรภพ ว่า เมื่อได้ทำการซื้อหุ้นตามสัญญาซื้อขายแล้ว นายภัทรภพ จะทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยการจัดทำคำเสนอซื้อตามประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ขณะที่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2558 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกข่าวให้ KC ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น และเจตนาที่จะเข้าทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ของนายภัทรภพ และวันที่ 10 มีนาคม 2558 KC ได้ชี้แจงข้อมูลตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอบถามว่า ได้รับคำยืนยันจากนายภัทรภพ ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC
ตามที่บริษัทได้เผยแพร่ข้อมูลต่อผู้ลงทุนผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 เมื่อวันที่ 11 และวันที่ 12 มีนาคม 2558 KC ได้รับแจ้งจากนายชาย งามอัจฉริยะกุล ว่า นายชาย และกลุ่มผู้ถือหุ้นรายอื่นได้ขายหุ้นจำนวนรวม 514,155,500 หุ้น คิดเป็น 58.76% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัท ให้แก่นายภัทรภพ แล้ว และภายหลังการทำรายการซื้อขายหุ้นนายภัทรภพ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KC ในสัดส่วน 47.57% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัท รวมทั้ง KC ชี้แจงเกี่ยวกับลักษณะของธุรกิจและโครงสร้างการบริหารงานของบริษัทในอนาคตว่า ผู้ซื้อมีความประสงค์จะประกอบธุรกิจหลักในด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อไปเช่นเดิม โดยจะเสนอกรรมการเข้ามาร่วมบริหาร แต่จะยังคงนายชาย งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการ และนายสมศักดิ์ งามอัจฉริยะกุล กรรมการซึ่งมีส่วนสำคัญต่อธุรกิจหลักของบริษัทฯ ต่อไป
ต่อมา ในวันที่ 17 มีนาคม 2558 บริษัทแจ้งข่าวว่า นายภัทรภพ ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ตามที่ได้เคยประกาศเจตนาไว้ รวมทั้งชี้แจงการประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC นอกจากนั้น ยังปรากฏข้อมูลว่า นายภัทรภพ ได้รายงานการได้มาหุ้นสามัญของ KC 342,155,500 หุ้น เป็นผลให้นายภัทรภพ ถือหุ้นทั้งสิ้น 416,255,500 หุ้น หรือคิดเป็น 47.57%ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัท โดยนายภัทรภพ จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงให้ต่ำกว่าจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้บริษัท เค.ซี. พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC ชี้แจงข้อมูลกรณี นายภัทรภพ อิทธิสัญญากร ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ตามที่ได้เคยประกาศเจตนาไว้ ทั้งที่ในระยะที่ผ่านมา KC ได้ชี้แจงข้อมูลมาโดยตลอดว่า ได้รับคำยืนยันจากนายภัทรภพ ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ส่วนที่เหลือทั้งหมด ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจทำให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปสำคัญผิด รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่และการประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อเป็นข้อมูลที่มีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ และการตัดสินใจลงทุนของผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ KC ยังชี้แจงข้อมูลสำคัญไม่ครบถ้วน
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้น และผู้ลงทุนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงให้ KC ชี้แจงการปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ของนายภัทรภพ และผลกระทบต่ออำนาจการควบคุมกิจการและทิศทางการประกอบธุรกิจของบริษัท ภายในวันที่ 20 มีนาคม 2558 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงสั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ของ KC ต่อไปจนกว่าจะได้รับการชี้แจงที่ครบถ้วน และชัดเจนจากบริษัท
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท เค.ซี.พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (KC) ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2558 เนื่องจากปรากฏข้อมูลว่า นายภัทรภพ อิทธิสัญญากร (นายภัทรภพ) ได้ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC (Tender offer) แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมิได้รับแจ้งจากบริษัท ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุน และต่อมา เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2558 เวลา 18.26 น. KC ได้แจ้งข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า KC ได้รับแจ้งจากนายภัทรภพ เกี่ยวกับการยื่นแบบประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ KC ตามที่ได้เคยประกาศเจตนาไว้ เนื่องจาก KC ได้แก้ไขและเพิ่มเติมคำชี้แจงต่างไปจากเนื้อหาที่สำคัญที่ นายภัทรภพ ส่งให้แก่ KC และการได้มาซึ่งหุ้นของ KC มิได้เป็นไปตามสัญญาซื้อขายหุ้นฉบับลงวันที่ 10 มกราคม 2558 โดย KC ได้ชี้แจงว่าข้อมูลที่บริษัทเปิดเผยและชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 ได้มีการหารือและได้รับความเห็นชอบจากนายภัทรภพ และการซื้อขายหุ้นได้เป็นไปตามสัญญาซื้อขาย ลงวันที่ 10 มกราคม 2558 แล้ว
เนื่องจากในระยะที่ผ่านมา KC ได้ชี้แจงข้อมูลมาโดยตลอดว่าได้รับคำยืนยันจากนายภัทรภพ ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC แต่ต่อมานายภัทรภพ ได้ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ตามที่ได้เคยประกาศเจตนาไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั่วไปสำคัญผิดรวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่และการประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อเป็นข้อมูลที่มีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ และการตัดสินใจลงทุนของผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ KC ยังชี้แจงข้อมูลสำคัญไม่ครบถ้วน
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ KC ชี้แจงข้อมูลในประเด็นต่างๆ ภายในวันที่ 20 มีนาคม 2558 และยังคงห้ามซื้อขายหุ้น KC ต่อไป
1.การประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC เนื่องจากตามที่ KC ชี้แจงว่า ได้มีการหารือและได้รับความเห็นชอบจากนายภัทรภพ ว่า จะจัดทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ส่วนที่เหลือทั้งหมดเมื่อได้ทำการซื้อหุ้นตามสัญญาซื้อขายแล้ว รวมทั้งที่ผ่านมา KC ได้ชี้แจงมาโดยตลอดว่าได้รับคำยืนยันจากนายภัทรภพ ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC
จึงขอให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุใดนายภัทรภพ จึงประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ในวันที่ 16 มีนาคม 2558 ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียง 5 วัน ภายหลังจากที่นายภัทรภพ ซื้อหุ้น KC ได้ครบจำนวนตามสัญญาซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558
กรณีความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบต่อกรณีที่ นายชาย งามอัจฉริยะกุล
ในฐานะกรรมการผู้จัดการและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ทำสัญญาซื้อขายหุ้น KC กับนายภัทรภพโดยระบุว่า นายภัทรภพ จะทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ส่วนที่เหลือทั้งหมดเมื่อได้ทำการซื้อหุ้นตามสัญญาซื้อขายแล้ว แต่ต่อมานายภัทรภพ ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ทั้งที่ได้เคยแสดงเจตนาไว้ และชี้แจงแนวทางดำเนินการต่อกรณีดังกล่าวซึ่งอาจทำให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปอาจสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
2.เปรียบเทียบโครงสร้างการถือหุ้นก่อนและหลังจากที่กลุ่มนายชาย งามอัจฉริยะกุล ขายหุ้น KC ให้แก่นายภัทรภพ และปัจจุบันนายภัทรภพ ถือหุ้น KC เป็นจำนวนเท่าใด
3.ขอให้ชี้แจงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการบริหารงาน และการประกอบธุรกิจของ KC ว่าภายหลังจากที่กลุ่ม นายชาย งามอัจฉริยะกุล ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KCได้ขายหุ้น จำนวน 514,155,500 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 58.76 ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัทให้แก่ นายภัทรภพ และต่อมา นายภัทรภพ ได้ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวและจะลดสัดส่วนการถือหุ้นใน KC ลง โดยให้อธิบายว่า โครงสร้างการบริหารจัดการและทิศทางการประกอบธุรกิจของบริษัท จะยังคงเป็นไปตามที่ KC ได้เคยชี้แจงว่าจะยังคงประกอบธุรกิจหลักในด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อไปเช่นเดิม โดยนายภัทรภพ จะเสนอกรรมการเข้ามาร่วมบริหาร แต่จะยังคงนายชาย งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการ และนายสมศักดิ์ งามอัจฉริยะกุล เป็นกรรมการ หรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ ในระยะที่ผ่านมา KC ได้เปิดเผยสารสนเทศผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ส่วนที่เหลือทั้งหมด สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
12 มกราคม 2558 บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากนายชาย งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทว่า นายชาย และผู้ถือหุ้นรายอื่น “ผู้ขาย” ซึ่งถือหุ้นในบริษัท รวม 514,155,500 หุ้น คิดเป็น 58.76% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัท ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น ลงวันที่ 10 มกราคม 2558 ต่อนายภัทรภพ อิทธิสัญญากร “ผู้ซื้อ” ในราคาหุ้นละ 2.61 บาท คิดเป็นมูลค่าการเข้าทำรายการรวมทั้งสิ้น 1,341,945,855 บาท โดยผู้ซื้อจะเข้าทำการซื้อหุ้นจากผู้ขายภายใน 60 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญาซื้อขาย (ภายในวันที่ 9 มีนาคม 2558)
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 KC ได้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมตามที่ได้รับแจ้งจากนายภัทรภพ ว่า เมื่อได้ทำการซื้อหุ้นตามสัญญาซื้อขายแล้ว นายภัทรภพ จะทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยการจัดทำคำเสนอซื้อตามประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ขณะที่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2558 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกข่าวให้ KC ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น และเจตนาที่จะเข้าทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ของนายภัทรภพ และวันที่ 10 มีนาคม 2558 KC ได้ชี้แจงข้อมูลตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอบถามว่า ได้รับคำยืนยันจากนายภัทรภพ ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC
ตามที่บริษัทได้เผยแพร่ข้อมูลต่อผู้ลงทุนผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 เมื่อวันที่ 11 และวันที่ 12 มีนาคม 2558 KC ได้รับแจ้งจากนายชาย งามอัจฉริยะกุล ว่า นายชาย และกลุ่มผู้ถือหุ้นรายอื่นได้ขายหุ้นจำนวนรวม 514,155,500 หุ้น คิดเป็น 58.76% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัท ให้แก่นายภัทรภพ แล้ว และภายหลังการทำรายการซื้อขายหุ้นนายภัทรภพ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KC ในสัดส่วน 47.57% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัท รวมทั้ง KC ชี้แจงเกี่ยวกับลักษณะของธุรกิจและโครงสร้างการบริหารงานของบริษัทในอนาคตว่า ผู้ซื้อมีความประสงค์จะประกอบธุรกิจหลักในด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อไปเช่นเดิม โดยจะเสนอกรรมการเข้ามาร่วมบริหาร แต่จะยังคงนายชาย งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการ และนายสมศักดิ์ งามอัจฉริยะกุล กรรมการซึ่งมีส่วนสำคัญต่อธุรกิจหลักของบริษัทฯ ต่อไป
ต่อมา ในวันที่ 17 มีนาคม 2558 บริษัทแจ้งข่าวว่า นายภัทรภพ ประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC ตามที่ได้เคยประกาศเจตนาไว้ รวมทั้งชี้แจงการประกาศปฏิเสธการทำคำเสนอซื้อหุ้น KC นอกจากนั้น ยังปรากฏข้อมูลว่า นายภัทรภพ ได้รายงานการได้มาหุ้นสามัญของ KC 342,155,500 หุ้น เป็นผลให้นายภัทรภพ ถือหุ้นทั้งสิ้น 416,255,500 หุ้น หรือคิดเป็น 47.57%ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัท โดยนายภัทรภพ จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงให้ต่ำกว่าจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อ