ไทยโคโคนัท เตรียมยื่นไฟลิ่งเพื่อขอเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น ระดมทุนเพื่อใช้ขยายงาน ตั้งธุรกิจสวนมะพร้าวน้ำหอม และโรงงานผลิตไฟฟ้าประเภทชีวมวล รองรับการขยายงานในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
น.ส.ชัญญา ธนศักดิภัทร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยโคโคนัท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการแปรรูปมะพร้าวเพื่อการส่งออก ในรูปของผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูป กะทิแปรรูป เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมยื่นแบบขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยคาดจะยื่นไฟลิ่งได้ช่วงเดือน มิ.ย.2558 และคาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วง ส.ค.-ก.ย.2558
โดยบริษัทฯ จะเสนอขายไอพีโอ จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 550 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 400 ล้านบาท
น.ส.ชัญญา กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้เพื่้อไปใช้ในการขยายงาน คาดจะได้เม็ดเงินประมาณ 600 ล้านบาท และบางส่วนจากกำไรสะสมของบริษัทฯ เพื่อจัดตั้งธุรกิจสวนมะพร้าวน้ำหอม โดยแบ่งเป็นการลงทุนซื้อสวนมะพร้าวในเขตภาคกลางมูลค่า 300 ล้านบาท และขยายการลงทุนผ่านการจัดตั้งโรงงานแปรรูปมะพร้าวในอินโดนีเซีย มูลค่า 300 ล้านบาท ภายในปี 2561 เพื่อจะมีปริมาณวัตถุดิบเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 50% ของปริมาณมะพร้าวที่ใช้วันละ 200,000 ลูก ส่วนที่เหลือเพื่อใช้ลงทุนโรงงานผลิตไฟฟ้าประเภทชีวมวล กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 300 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จประมาณ ปี 61
โดยเบื้องต้นจะนำเศษวัสดุทางการเกษตร ได้แก่ กะลา และเปลือกมะพร้าวเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า และป้อนกระแสไฟฟ้าให้แก่โรงงาน และหากมีส่วนที่เหลือก็จะจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งการขยายการลงทุนครั้งนี้เพื่้อพิ่มปริมาณวัตถุดิบรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการขยายตัวทางด้านธุรกิจน้ำมะพร้าวพร้อมดื่มที่ตลาดกำลังโต
“สาเหตุที่เราเพิ่มทุนครั้งนี้เพราะเราต้องขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มปริมาณวัตถุดิบรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ที่คาดว่าจะโตอีกเฉลี่ยปีละ 30-50% โดยหลักๆ มาจากการขยายตัวทางด้านธุรกิจน้ำมะพร้าวพร้อมดื่มที่ตลาดกำลังโต และไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง เราอยู่ระหว่างคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้รับประกันการจำหน่าย โดยคาดแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 58” น.ส.ชัญญา กล่าว
สำหรับการตั้งเป้าหมายรายได้โต 30-50% ในช่วงเวลา 3-5 ปีจากนี้เติบโต จากปี 58 คาดว่าจะมีรายได้ 3.3 พันล้านบาท หรือเติบโต 56% จากปี 57 ที่มีรายได้ 2.1 พันล้านบาท อีกทั้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเติบโตกว่า 150% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 380.34 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้ในปัจจุบันมาจากผลิตภัณฑ์กะทิ 50% ผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว 40% อื่นๆ 10% โดยมาจากการส่งออกไปยัง 21 ประเทศทั่วโลก 90% และส่วนที่เหลือเป็นการจำหน่ายในประเทศ
อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าในช่วง 3-5 ปี จะใช้เงินลงทุนรวม 1.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนจัดตั้งสวนธุรกิจมะพร้าวน้ำหอม 300 ล้านบาท ลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปมะพร้าวที่อินโดนีเซีย 300 ล้านบาท รวมถึงใช้ลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล 5 เมกะวัตต์ 300 ล้านบาท คาดจะเริ่มลงทุนในปีนี้และคาดเสร็จในปี 61 และนำชำระคืนหนี้ 500 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยปีละ 30 ล้านบาท จะทำให้บริษัทฯ มีกำไรที่เพิ่มขึ้น และบริษัทฯ คาดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) จะปรับตัวลดลงจากปัจจุบันที่มี 0.65 เท่า
น.ส.ชัญญา ธนศักดิภัทร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยโคโคนัท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการแปรรูปมะพร้าวเพื่อการส่งออก ในรูปของผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูป กะทิแปรรูป เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมยื่นแบบขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยคาดจะยื่นไฟลิ่งได้ช่วงเดือน มิ.ย.2558 และคาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วง ส.ค.-ก.ย.2558
โดยบริษัทฯ จะเสนอขายไอพีโอ จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 550 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 400 ล้านบาท
น.ส.ชัญญา กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้เพื่้อไปใช้ในการขยายงาน คาดจะได้เม็ดเงินประมาณ 600 ล้านบาท และบางส่วนจากกำไรสะสมของบริษัทฯ เพื่อจัดตั้งธุรกิจสวนมะพร้าวน้ำหอม โดยแบ่งเป็นการลงทุนซื้อสวนมะพร้าวในเขตภาคกลางมูลค่า 300 ล้านบาท และขยายการลงทุนผ่านการจัดตั้งโรงงานแปรรูปมะพร้าวในอินโดนีเซีย มูลค่า 300 ล้านบาท ภายในปี 2561 เพื่อจะมีปริมาณวัตถุดิบเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 50% ของปริมาณมะพร้าวที่ใช้วันละ 200,000 ลูก ส่วนที่เหลือเพื่อใช้ลงทุนโรงงานผลิตไฟฟ้าประเภทชีวมวล กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 300 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จประมาณ ปี 61
โดยเบื้องต้นจะนำเศษวัสดุทางการเกษตร ได้แก่ กะลา และเปลือกมะพร้าวเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า และป้อนกระแสไฟฟ้าให้แก่โรงงาน และหากมีส่วนที่เหลือก็จะจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งการขยายการลงทุนครั้งนี้เพื่้อพิ่มปริมาณวัตถุดิบรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการขยายตัวทางด้านธุรกิจน้ำมะพร้าวพร้อมดื่มที่ตลาดกำลังโต
“สาเหตุที่เราเพิ่มทุนครั้งนี้เพราะเราต้องขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มปริมาณวัตถุดิบรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ที่คาดว่าจะโตอีกเฉลี่ยปีละ 30-50% โดยหลักๆ มาจากการขยายตัวทางด้านธุรกิจน้ำมะพร้าวพร้อมดื่มที่ตลาดกำลังโต และไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง เราอยู่ระหว่างคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้รับประกันการจำหน่าย โดยคาดแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 58” น.ส.ชัญญา กล่าว
สำหรับการตั้งเป้าหมายรายได้โต 30-50% ในช่วงเวลา 3-5 ปีจากนี้เติบโต จากปี 58 คาดว่าจะมีรายได้ 3.3 พันล้านบาท หรือเติบโต 56% จากปี 57 ที่มีรายได้ 2.1 พันล้านบาท อีกทั้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเติบโตกว่า 150% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 380.34 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้ในปัจจุบันมาจากผลิตภัณฑ์กะทิ 50% ผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว 40% อื่นๆ 10% โดยมาจากการส่งออกไปยัง 21 ประเทศทั่วโลก 90% และส่วนที่เหลือเป็นการจำหน่ายในประเทศ
อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าในช่วง 3-5 ปี จะใช้เงินลงทุนรวม 1.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนจัดตั้งสวนธุรกิจมะพร้าวน้ำหอม 300 ล้านบาท ลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปมะพร้าวที่อินโดนีเซีย 300 ล้านบาท รวมถึงใช้ลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล 5 เมกะวัตต์ 300 ล้านบาท คาดจะเริ่มลงทุนในปีนี้และคาดเสร็จในปี 61 และนำชำระคืนหนี้ 500 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยปีละ 30 ล้านบาท จะทำให้บริษัทฯ มีกำไรที่เพิ่มขึ้น และบริษัทฯ คาดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) จะปรับตัวลดลงจากปัจจุบันที่มี 0.65 เท่า