xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยดีดแรงเกือบ 40 จุด ขึ้นทดสอบ 1,600 วอลุ่มทะลักกว่า 7 หมื่นล้าน ต่างชาติลุยซื้อหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นไทยปิดพุ่ง 37.99 จุด วอลุ่มทะลักกว่า 7 หมื่นล้าน ต่างชาติลุยซื้อหนักกว่า 3 พันล้านบาท ส่งผลให้ดัชนีปรับขึ้นไปทดสอบ 1,600 จุด เผยปัจจัยถอด “ปู” ไร้ผลกระทบกดดัน แนะจับตาผลประชุมเฟดจะส่งสัญญาณปรับขึ้น ดบ. เมื่อใด ปัญหาการเมืองในกรีซ และปัญหาเศรษฐกิจรัสเซีย

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 ม.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,598.33 จุด เพิ่มขึ้น 37.99 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +2.43% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 70,008.94 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิสูงกว่า 3 พันล้านบาท และพบว่า ตลาดมีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มบิ๊กแคป ซึ่งในระหว่งชั่วโมงการซื้อขายดัชนีได้ปรับขึ้นกว่า 40 จุด ไปทดสอบแนวสำคัญที่ระดับ 1,600 จุด

ด้านสัดส่วนการลงทุน นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 5,140.65 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิ 708.26 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 3,283.19 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศ ขายสุทธิ 9,132.11 ล้านบาท

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแรงตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศมาตรการ QE ขนาดใหญ่กว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องติดตามการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในสหภาพยุโรปว่าจะทำได้มากน้อยเพียงใด

นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า สาเหตุที่ดัชนีระหว่างวันไปทดสอบระดับ 1,600 จุด เนื่องจากตลาดตอบรับข่าวการใช้คิวอีของอีซีบีที่ออกมามากกว่าที่คาด แม้ว่ายังมีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจจีน และการเลือกตั้งของกรีซรออยู่ข้างหน้า แต่นักลงทุนไม่ได้ให้น้ำหนักมากนัก

ขณะที่ปัจจัยการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุน เพราะเชื่อว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สามารถควบคุมสถานการณ์ที่จะตามมาได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เตือนให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายหุ้นในระดับเหนือ 1,600 จุด เพราะอาจมีแรงขายจากกองทริกเกอร์ฟันด์ออกมาได้

ด้าน นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะหฺ์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค จากปัจจัยสนับสนุนจากอีซีบีประกาศมาตรการ QE ขนาดใหญ่กว่าคาด ซึ่งช่วยกระตุ้น Fund flow ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น

แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 27-28 ม.ค.ว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เมื่อใด และผลการเลือกตั้งของประเทศกรีซ ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ รวมทั้งวิกฤตเศรษฐกิจของรัสเซีย หลังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันตกต่ำ และยังได้รับผลกระทบจากการเผชิญมาตรการคว่ำบาตรจากกลุ่มประเทศตะวันตก ส่งผลให้ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า (26 ม.ค.) นายสมชาย กล่าวว่า ตลาดจะมีแนวโน้มผันผวน และมีโอกาสพักตัวหลังจากตลาดได้มีการรับรู้ประเด็นข่าวต่างๆ ไปมากพอควรแล้ว พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 3,811.26 ล้านบาท ปิดที่ 12.80 บาท ลดลง 0.10 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,950.59 ล้านบาท ปิดที่ 235.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท

ITD มูลค่าการซื้อขาย 2,891.21 ล้านบาท ปิดที่ 8.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,615.03 ล้านบาท ปิดที่ 348.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 2,489.81 ล้านบาท ปิดที่ 23.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น