บล.เอเซีย พลัส มอง SET ยังมีโอกาสปรับตัวต่อได้จากประเด็นหนุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ขณะที่ค่า PE ที่เริ่มขึ้นมาสูงยังกดดันให้มีแรงขายปรับฐานได้เช่นกัน แนะเก็บหุ้นจ่ายปันผลรายปี ถือรอแค่ 4 เดือน ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แม้ 2 วันที่ผ่านมา การปรับตัวของ SET ถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างเร็ว และแรงกว่าที่คาด จนส่งผลให้ค่า PE ขึ้นมาอยู่ที่ 17.1 เท่า ซึ่งถือว่าสูงหากเทียบค่าเฉลี่ย PE สิ้นปีนี้ที่ 14.7 เท่า โดยมีปัจจัยหนุน 2 ประเด็น คือ หุ้นกลุ่มพลังงาน PTT ได้กระแสบวกจากการลอยตัว LPG ทำให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการราคาเป้าหมายเพิ่มอีก 20 บาท และราคาที่ปรับขึ้นมา 2 วันนี้ถือว่าได้สะท้อนไปแล้ว
ส่วนอีกปัจจัยภาวะตลาดต่างประเทศที่ดีขึ้น ขณะที่ต่างชาติยังขายสวนทาง จึงอาจยังคาดหวังแรงซื้อของต่างชาติดันดัชนัปรับขึ้นได้ต่อ
อย่างไรก็ตาม หากตลาดซึมซับประเด็นเหล่านี้ไว้หมดแล้ว หลังจากนั้น ตลาดหุ้นก็จะปรับลงสู่ฐานปกติ ซึ่งถือเป็นการปรับตัวตามธรรมดาของตลาดหุ้น ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนจึงควรซื้อน้อยลงหากยิ่งตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และจุดซื้อหุ้นที่เหมาะสมหากได้ผลตอบแทนราว 14-15% จะอยู่ที่ 1,450-1,460 จุด โดยอิงจากค่า EPS สิ้นปี 58 ที่ 103.65 เพิ่มขึ้น 16.7% จากปีก่อน คิดเป็นดัชนีที่ 1,658 จุด
สำหรับหุ้นที่ฝ่ายวิจัยแนะนำให้เข้าลงทุนในช่วงนี้แนะนำหุ้นปันผลสูงที่จ่ายเป็นรายปีที่ให้ปันผลในอัตราประมาณ 4% ซึ่งจะประกาศราวเดือนเมษายน และจ่ายในเดือนพฤษภาคม โดยหากซื้อหุ้นตั้งแต่เดือนนี้จะใช้เวลาถือหุ้นแค่ 4 เดือน และได้รับผลตอบแทน สำหรับหุ้นที่แนะนำคือ กลุ่มลิสซิ่ง TISCO-ASK กลุ่มอุตสาหกรรม SITHAI-STPI-DELTA กลุ่มอสังหา SC กลุ่มแบงก์ KTB กลุ่มหลักทรัพย์ KGI