กลุ่มบัวทองฯ เดินหน้าขยายการลงทุนโซนบางบัวทอง รับกำลังซื้อ และแนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโต วางเป้ายอดขายเติบโต 10% หรือมีมูลค่า 1,650 ล้านบาท พร้อมทุ่ม 200 ล้านบาท ซื้อแปลงที่ดินผืนใหญ่ผุดบิ๊กโปรเจกต์บ้านเดี่ยว บ้านแฝด มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท คาดหนุนรายได้ที่มั่นคงระยะยาว แย้มนักลงทุนจากชลบุรีสนใจดึงร่วมทุนพัฒนาโครงการ
ดร.ไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า การจากที่สถานการณ์บ้านเมืองที่เริ่มคลี่คลาย ถือเป็นเรื่องที่ดีของผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทุกอย่างจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งในภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 เชื่อว่าในไตรมาสแรกกำลังซื้อยังคงทรงตัว แต่มีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้น เพราะการเปิดตลาดการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จะช่วยให้ตลาดคึกคักขึ้นโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ที่ต่างชาติมีสิทธิซื้อได้
ส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบ คงต้องทำการบ้านหนัก เพราะจะพัฒนาโครงการได้ยากขึ้น เนื่องจากที่ดินราคาแพงขึ้นมากในหลายทำเล ในขณะที่กำลังซื้อชะลอตัว ผู้ประกอบการจะต้องหากลยุทธ์ใหม่ๆ หรือพัฒนาประสิทธิภาพของพนักงานให้มีความสามารถมากขึ้น
ในด้านของทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบัวทองในปี 58 ดร.ไพโรจน์ ได้กำหนดเป้ายอดขายไว้ที่ 1,650 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10% โดยคงเน้นธุรกิจบ้านจัดสรรมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นทั้งการพัฒนาโครงการใหม่ และเฟสต่อเนื่องประมาณ 4-5 โครงการ ล่าสุด บริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินย่านบางบัวทอง-สุพรรณบุรี มาจำนวน 60 ไร่ มูลค่า 200 ล้านบาท โดยมีแผนจะพัฒนาเป็นบ้านจัดสรร บ้านแฝด จำนวนกว่า 400 ยูนิต มูลค่าโครงการทั้งสิ้นเกือบ 1,000 ล้านบาท
"ขณะนี้บริษัทฯ เริ่มที่จะเข้าไปเปิดตลาดบ้านจัดสรรมากยิ่งขึ้น ถือเป็นนโยบายบริษัทฯ ที่ต้องมุ่งเน้นในการเปิดโครงการใหม่ๆ ออกมาให้แก่ผู้บริโภค โดยแนวทางการบริหารงานนี้ บริษัทฯ จะพัฒนานาอยู่ในโซนบางบัวทองเท่านั้น จะไม่ไปขยายธุรกิจนอกพื้นที่เหมือนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ๆ เนื่องจากเรามีความชำนาญในพื้นที่บางบัวทอง ซึ่งหากจะขยายธุรกิจนอกพื้นที่ก็คงอาจเป็นไปในรูปแบบของการร่วมทุน ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรี ได้เข้ามาเจรจาทาบทามกลุ่มบัวทองฯ บ้างแล้ว”
สำหรับในปี 2557 ดร.ไพโรจน์ กล่าวว่า กลุ่มบริษัทบัวทองฯ ยังคงเดินหน้าธุรกิจบริหารงานโครงการ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมานั้นบริษัทฯ จะลดสัดส่วนการบริหารงานโครงการไปบ้าง แต่ธุรกิจหรือรายได้ก็ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิม คือ 1,500 ล้านบาท จากกลุ่มทั้งหมด
“ต้องยอมรับว่าเราลดสัดส่วนการรับบริหารงานโครงการลง ปัจจุบันนี้มีอยู่ 30 กว่าโครงการ โดยหันไปเน้นการพัฒนาโครงการเองมากขึ้น ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2545 ที่เข้ามาสู่ผู้ประกอบการบ้านจัดสรร แต่ก็พัฒนาโครงการขนาดเล็ก มูลค่าโครงการประมาณ 200 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากเราต้องระมัดระวังในการทำโครงการบ้านจัดสรร ไม่อยากเจ็บตัวมากนักหากเกิดอะไรขึ้น”
สำหรับธุรกิจพัฒนาโครงการ ในปีที่ผ่านมาของกลุ่มบัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ เปิดการขายโครงการ ทิพย์พิมาน กรีนวิลล์ เฟสต่อเนื่อง (ภายใต้การพัฒนาโครงการโดย บริษัท บัวทอง ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด) ซึ่งเป็นบ้านแฝด สไตล์โมเดิร์น ราคา 2.89-3.5 ลบ. ปัจจุบันเหลือเพียงไม่ถึง 10 ยูนิต คาดว่าจะปิดการขายภายในสิ้นปีนี้
ส่วนอีก 2 โครงการ คือพฤกษ์พิมาน การ์เด้น (ราชพฤกษ์-วงแหวน) เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บริหารงานโดยบริษัท บัวทอง แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท จำนวน 171 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ได้เปิดขายไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2557 ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 30% และโครงการ พฤกษ์พิมาน 5 (กาญจนา-ลาดปลาดุก) โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคาเริ่มต้นที่ 2.99 ล้านบาท จำนวน 120 ยูนิต มูลค่าโครงการ 360 ล้านบาท พัฒนาโครงการโดยบริษัท บัวทอง เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด ได้ทำการเปิดขายแล้วเมื่อต้นปี 2557 ที่ผ่านมาเช่นกัน ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 25%