ธปท. เตรียมดึง ธ.ก.ส. เข้าสู่เครดิตบูโร เพราะมีธุรกรรมสูงถึง 10 ล้านบัญชี เพื่อเปิดทางให้รายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ย้ำไม่คิดตั้งสหกรณ์เป็นแบงก์พาณิชย์เพื่อรายย่อย เพราะสหกรณ์มีจุดแข็งที่เข้าถึงรายย่อยอยู่แล้ว และสามารถบังคับให้ลูกหนี้มีการชำระเงินก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ส่วนกรณีแบงก์กังวล พ.ร.บ.การลดภาระหนี้ผู้ค้ำประกัน ซึ่งแนวทางการแก้ไขต้องมีความสมดุล ทั้งกับเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ค้ำประกัน ซึ่งเชื่อว่าสามารถหาทางแก้ไขได้
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา “สหกรณ์ยุคใหม่ ก้าวไกลด้วยข้อมูลเครดิต” โดยระบุว่า การที่สหกรณ์ออมทรัพย์เข้ามาเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโรถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากสหกรณ์เป็นหน่วยงานที่มีข้อมูลเครดิตของผู้กู้รายย่อยมากที่สุด โดยปัจจุบันมีสมาชิกสหกรณ์ จำนวน 11 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อ 1.6 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 10 ของระบบสินเชื่อทั้งหมด
นอกจากนี้ ธปท.ยังมีแนวคิดที่จะดึงธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.เข้ามาเป็นสมาชิกเครดิตบูโร ซึ่งปัจจุบัน ธ.ก.ส. มีลูกค้ารายย่อยที่เป็นเกษตรกรถึง 10 ล้านบัญชี ซึ่งหากสามารถทำได้จะช่วยเสริมสร้างกลไกตลาดในการเข้าถึงเงินกู้ของรายย่อย และสร้างคุณภาพหนี้ที่ดีโดยไม่แทรกแซงตลาด
อย่างไรก็ตาม มองว่าไม่จำเป็นต้องผลักดันสหกรณ์เป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย เพราะสหกรณ์มีจุดแข็งที่เข้าถึงรายย่อยอยู่แล้ว และสามารถบังคับให้ลูกหนี้มีการชำระเงินก่อนเจ้าหนี้รายอื่น
ขณะเดียวกัน ก็มีสหกรณ์ 5 แห่ง ยื่นขอเข้าสมัครเป็นสมาชิกเครดิตบูโร ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ สป.จำกัด / สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด / สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำกัด / สหกรณ์อิสลาม อิบนูอัฟฟาน จำกัด / และสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ ผู้ว่าการ ธปท. ยังกล่าวถึงข้อกังวลของสมาคมธนาคารไทย ถึงเรื่องของการประกาศใช้ พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2557 ว่าด้วยการลดภาระของผู้ค้ำประกัน โดยยอมรับว่า ตนเองยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจากสมาคมธนาคารไทย แต่ได้มีการหารือกับนายธนาคารแล้ว โดยทาง ธปท.กำลังรวบรวมประเด็นปัญหาเพื่อหาวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด โดยแนวทางการแก้ไขต้องมีความสมดุลกับทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ค้ำประกัน ซึ่งเชื่อว่าสามารถหาทางแก้ไขได้