“ปธ.ทีดีอาร์ไอ” แนะภาครัฐเร่งปฏิรูปรองรับสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบปี 2568 ขณะการส่งออกต้องปรับปรุงโครงสร้าง พร้อมมองดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ 2% เหมาะสม ส่วนการหั่นดอกเบี้ยของจีน สะท้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวลง แต่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับแนวความคิด และภาคเอกชนว่าจะมีการปรับปรุงการส่งออก เพื่อฉวยโอกาสในการขยายตัวของยอดการส่งออกได้หรือไม่
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานสภาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI กล่าวว่า ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2504 หรือ 2539 เศรษฐกิจไทยยกระดับสูงขึ้นจากการสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ และการผลิตเพื่อการส่งออก ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยปีละอยู่ที่ประมาณร้อยละ 7.6 แต่หลังเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 จนถึงปีปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ปีละร้อยละ 3
โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ว่าแม้ภาคการค้าโลกจะขยายตัว แต่การส่งออกกลับมีมูลค่าลดลงต่อเนื่อง เป็นเพราะเชิงปัญหาโครงสร้าง และในอนาคตก็เป็นห่วงว่า การที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในปี 2568 หรืออีก 3 ทศวรรษข้างหน้า จะมีผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ เนื่องจากคนในวัยแรงงานจะลดลง ขณะที่รัฐบาลต้องเตรียมวางแผนด้านสวัสดิการการดูแล ซึ่งจะต้องเตรียมการวางแผนการจัดเก็บภาษีให้เพียงพอ เนื่องจากในปัจจุบันฐานการจัดเก็บภาษีรายได้ยังคงต่ำมาก มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 17 ต่อ GDP เท่านั้น
นายโฆสิต ยังกล่าวถึงกรณีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของรัฐบาลจีน โดยมองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลจีนเริ่มให้ความสำคัญต่อตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวลง แต่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับแนวความคิด และภาคเอกชนว่าจะมีการปรับปรุงการส่งออกเพื่อฉวยโอกาสในการขยายตัวของยอดการส่งออกได้หรือไม่
สำหรับในส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทย (ธปท.) ที่ดำเนินงานโดยทาง ธนาคารแห่งประเทศไทย ในอัตราร้อยละ 2 นั้นถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม และสอดคล้องต่ออัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับร้อยละ 2 เช่นกัน และยังเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย ส่วนในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรนั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และต้องมีการประเมินกันอีกครั้ง
