xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ ชี้แนวโน้มการลงทุนในปีหน้าจับตาตลาดหุ้นโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โบรกฯ แนะจับเป้าอุตฯ ส่งออกหากถึง 70% จะช่วยดัน GDP ให้ปรับตัวบวกขึ้นแตะ 3.5%-4% ซึ่งหากโตตามเป้าจะดึงความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาได้ ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อสาร รับอานิสงส์ดิจิตอล อีโคโนมีที่รัฐบาลเข้าหนุน และกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานเด่นในปีหน้า

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET กล่าวในงาน SET IN THE CITY 2014 ว่า แนวโน้มการลงทุนในปีหน้านั้น จากประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ที่คาดว่าจะปรับตัวบวกขึ้นอยู่ที่ 3.5%-4% ซึ่งหากภาคอุตสาหกรรมการส่งออกของไทยสามารถผลักดันการส่งออกได้ถึง 70% จะสามารถดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติกลับมาได้ แต่หากไม่เป็นไปตามที่คาดไว้อาจจะส่งผลกระทบความเสี่ยงต่อการลงทุนต่อเนื่องของไทยออกไปอีก ขณะที่ปีหน้าภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นโลกคาดว่าจะปรับตัวบวกขึ้นเล็กน้อย โดยจะมีการปรับตัวบวกขึ้นไม่สูงมากนัก

ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มที่มีความโดดเด่นในปีหน้า ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสาร ทั้งที่ทำโมบายโอเปอเรเตอร์ และที่ทำระบบการสื่อสาร จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และได้รับอานิสงส์จากโครงการดิจิตอล อีโคโนมี ของรัฐบาล อีกทั้งงานที่ยังคงค้างท่ออยู่ซึ่งจะเดินหน้างานต่อเนื่องไปได้ โดยหุ้นกลุ่มสื่อสารนี้จัดอยู่ในกลุ่มที่มีราคาไม่แพง และยังคงมีการจ่ายปันผลต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นกลุ่มอาหาร และกลุ่มขนส่ง คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาล ทั้งนี้นักลงทุนควรวางน้ำหนักพอร์ตการลงทุนเป็นระยะตามความเหมาะสมของธุรกิจ และสถานการณ์ของตลาด
 
ขณะที่ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตรชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่นักลงทุนอาจต้องระวังในการลงทุนปีหน้า ได้แก่ หุ้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจากปัญหาผลกระทบทางการเมือง และหุ้นที่มีค่า P/E สูงผิดปกติ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการลงทุน ขณะที่ในส่วนของภาคการบริโภคในต่างจังหวัดนั้นยังคงมีการใช้จ่ายในสินค้าสิ้นเปลืองจำนวนมาก ซึ่งในระยะยาวอาจก่อให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL โดยจะสะท้อนออกมาในภาคเศรษฐกิจการฟื้นตัวของไทย และในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อการที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และประเทศไทยอาจต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามอัตราความเสี่ยงที่จะเข้ามากระทบ

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มที่นักลงทุนควรเลือกลงทุนในสถานการณ์แบบนี้ ได้แก่ หุ้นกลุ่มอสังหาฯ กลุ่มอาหาร กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และรับเหมาก่อสร้าง จะได้รับอานิสงส์ที่เกี่ยวโยงจากนโยบายขนาดใหญ่ของรัฐบาลด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น