“กสิกรไทย” มั่นใจสินเชื่อเอสเอ็มอีปีนี้โตตามเป้า 9-11% ขณะที่เอ็นพีแอล 2.44% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ระบุดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมส่งบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด ลงทุนเพิ่มในเอสเอ็ม 2 แห่ง
นายพิภวัตว์ ภัทรนาวิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK)เปิดเผยว่า สินเชื่อเอสเอ็มอีโดยรวมในปีนี้นั้นน่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9-11% ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 2.44% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.66% ถือว่าอยูในระดับที่บริหารจัดการได้ แต่ธนาคารก็ยังดูแลด้วยความระมัดระวัง เนื่องภาวะเศรษฐกิจอาจจะยังไม่เอื้อเต็มที่
“เราไม่ได้ห่วงเรื่องเป้าหมายสินเชื่อ แต่จะเน้นดูแลในด้านคุณภาพมากกว่า ทำให้หนี้เอ็นพีแอลเราอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมาย รวมถึงดูแลกลุ่มลูกค้าที่มีปัญหา ซึ่งส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากการใช้วงเงินกู้ผิดวัตถุประสงค์ และรับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ”
ล่าสุด ธนาคารโดยบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด (K-SME Venture Capital) เพื่อร่วมลงทุนในเอสเอ็มอีของไทยที่มีศักยภาพ และต้องการเงินทุนในการขยายธุรกิจ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด (บลท.) เป็นผู้บริหารเงินร่วมลงทุน และพิจารณาคัดเลือก ได้ร่วมถือหุ้นในธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพอีก 2 ราย รวมเงินลงทุน 49 ล้านบาท ได้แก่
บริษัท ตี๋ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจหลักในการรับจัดกิจกรรม และคอนเสิร์ต รับเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาด และธุรกิจอาหาร วงเงินลงทุน 45 ล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้น 33.83% จากทุนจดทะเบียน 26.6 ล้านบาท
และบริษัท ซินโค่ ลิฟวิ่ง จำกัด ทำธุรกิจออกแบบและจำหน่ายอุปกรณ์ทำสวนภายใต้ตราสินค้า DOGO นำเข้าและจัดจำหน่ายรองเท้าวิ่งแบรนด์ VIVOBAREFOOT และ SKORA วงเงินลงทุน 4 ล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้น 31.01% จากทุนจดทะเบียน 12.9 ล้านบาท
ด้าน น.l.ปฐมาพร ไชยกุล กรรมการผู้จัดการ บลท.ข้าวกล้า กล่าวว่า ผู้ประกอบการจะได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อขยายกิจการ และให้คำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจในฐานะ Financial partner โดยปัจจุบัน บลท.ข้าวกล้า เข้าร่วมลงทุนในธุรกิจเอสเอ็มอีแล้ว 19 ราย รวมเป็นเงินลงทุนกว่า 430 ล้านบาท มีบริษัทที่ซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 6 แห่ง และอีก 3 แห่ง จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ และในปัจจุบันยงลังมีเงินลงทุนที่พร้อมลงทุนอยู่อีก 200 ล้านบาทโดยประมาณ
“การเข้าร่วมทุนกับเอสเอ็มอีนั้น เราไม่ได้มุ่งหวังที่จะผลักดันเข้าสู่ตลาดฯ อย่างเดียว เราพิจารณาดูรายที่มีศักยภาพ มีวิสัยทัศน์ แล้วเข้าไปเสริมให้เกิดความแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะเราไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้าหนี้แล้ว แต่เป็นผู้ร่วมทุน ทำให้เราต้องทำมากกว่าผู้ให้กู้”