เมืองไทย ลิสซิ่ง เคาะขายไอพีโอ 5.50 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 19-21 พ.ย.นี้ ก่อนเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ฯ 26 พ.ย. ได้ที่ปรึกษาทางการเงินชั้นเซียนอย่าง บล. ฟินันเซีย ไซรัส เป็นแกนนำจัดจำหน่ายหุ้นร่วมกับโบรกเกอร์ชั้นนำอีก 10 แห่ง มั่นใจขายเกลี้ยง! หลังเดินสายโรดโชว์นักลงทุนรายย่อย-สถาบัน ให้การตอบรับดีเยี่ยม มั่นใจศักยภาพอนาคตโตต่อเนื่อง ผู้นำสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ขวัญใจ “รากหญ้า” ตัวจริง ขณะที่ “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” เผยเตรียมนำเงินที่ได้ไปขยายสินเชื่อ-คืนหนี้สถาบันการเงิน คาดภายในปี 2560 ผุดสาขาทั่วไทย 1,000 แห่ง พอร์ตสินเชื่อทะลุ 2.5 หมื่นล้านบาท
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS) เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 545 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคา 5.50 บาทต่อหุ้น โดยจะเสนอขายให้แก่ประชาชนจำนวน 502.50 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทหรือบริษัทย่อยจำนวน 42.50 ล้านหุ้น หุ้นทั้งสองส่วนจะเสนอขายในราคาเดียวกัน โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2557 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “MTLS”
การเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 10 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็กซ์ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน)
“การกำหนดราคาไอพีโอของ MTLS ที่ 5.50 บาทต่อหุ้นนั้น มีส่วนลดให้กับนักลงทุน 29.32% เมื่อเทียบกับอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเฉลี่ย (P/E Ratio) ย้อนหลัง 3 เดือนของบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ซึ่งเป็นจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับธุรกิจของบริษัท โดยที่ราคาไอพีโอนี้มียอดจำนวนหุ้นที่นักลงทุนสถาบันแสดงความประสงค์จะจองซื้อเกินกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรถึงกว่า 8 เท่า เมื่อผนวกกับปัจจัยสนับสนุนหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ระดับประเทศ หรือพูดอีกนัยหนึ่ง MTLS ถือเป็นเจ้าตลาดสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ของเมืองไทย มีฐานลูกค้ากว่า 700,000 บัญชี อัตราการเติบโตที่โดดเด่นอย่างมากทั้งในแง่ของการปล่อยสินเชื่อ รายได้ และกำไรสุทธิ
นอกเหนือจากการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อและรายได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว บริษัทยังมีความโดดเด่นในด้านการควบคุมและติดตามหนี้ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ ส่งผลทำให้พอร์ตลูกหนี้ของ MTLS มีคุณภาพดี มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพียงร้อยละ 1.72 และหนี้สูญในระดับต่ำคิดเป็นร้อยละ 0.09 ของยอดลูกหนี้คงเหลือหลังหักรายได้ทางการเงินรอรับรู้ จึงมั่นใจว่าปัจจัยดังกล่าวจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ MTLS สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และจะทำให้หุ้น MTLS ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี” นายสมภพ กล่าว
นายสมภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเติบโตของ MTLS เป็นผลจากการขยายสาขาและยอดปล่อยสินเชื่อ โดยการขยายสาขาของบริษัทถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ จะเห็นได้จากจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นจาก 343 สาขา ในปี 2554 เป็น 454 สาขา ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2557 ในขณะที่ยอดปล่อยสินเชื่อต่อสาขาของบริษัทฯ ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 20.89 ล้านบาทต่อสาขา ในปี 2554 เป็น 25.60 ล้านบาทต่อสาขา ในงวด 6 เดือนของปี 2557 จากการที่บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดของสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ประมาณ 6% ของจำนวนรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนในประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท จะเห็นได้ว่าบริษัทยังมีโอกาสขยายตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ได้อีกมาก ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทสามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะยาว”
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากฐานลูกค้าของ MTLS เป็นคนที่มีรายได้น้อยถึงปลานกลางที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของระบบสถาบันการเงินได้ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ทำธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ มากว่า 22 ปี ทำให้สามารถพัฒนาองค์ความรู้ และมีเครื่องมือการบริหารหนี้ที่เรียกว่า “MTL Model” ซึ่งเป็นการบริหารหนี้รอบด้าน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับเอ็นพีแอลและหนี้สูญได้ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรม
“บริษัทมีเป้าหมายว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า กล่าวคือ ในปี 2560 ยอดการให้สินเชื่อจะทะลุ 2.5 หมื่นล้านบาท และสาขาจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 แห่ง ครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 2,997.50 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจำนวน 659 ล้านบาท และส่วนที่เหลือทั้งหมดจะนำไปขยายการให้สินเชื่อและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจากเงินที่ระดมทุนได้ดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายของบริษัทดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ฐานะการเงินของเรามีความแข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งมีทางเลือกในการระดมทุนโดยการออกเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นอันจะช่วยให้สามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำให้มั่นใจว่าจะสามารถบริหารงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้อย่างแน่นอน” นายชูชาติ กล่าวสรุป
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมาได้พิจารณาและอนุมัติงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2557 โดยงวด 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,348.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 19.14 ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 397.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 77.15 โดย ณ วันที่ 30 ก.ย. 2557 บริษัทมีเงินให้สินเชื่อที่หยุดรับรู้รายได้ (เอ็นพีแอล) ต่อสินเชื่อรวมร้อยละ 1.64 และหนี้สูญต่อสินเชื่อรวมร้อยละ 0.08 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทยังสามารถรักษาอัตราส่วนทั้งสองได้ในระดับต่ำ และสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพณ วันที่ 16 พ.ค. 2557 MTLS มีทุนจดทะเบียน 2,120 ล้านบาท และมีทุนที่ชำระแล้วจำนวน 1,575 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 1,575 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 1 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 2,120 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 2,120 ล้านหุ้น