“เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์” เทรดวันแรกเหนือจอง 3.60 บาท หรือราคาซิลลิงขึ้นบวก 200% อยู่ที่ระดับ 5.40 บาท เหนือจากราคาจอง IPO ที่กำหนดขายหุ้นละ 1.80 บาท จากปัจจัยพื้นฐานหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีโครงการต่อเนื่องระยะยาวทั้งในและต่างประเทศ อันเดอร์ไรท์ฯ เชื่อจุดเด่นของ NCL ที่ให้บริการที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงทั้งขนส่งระหว่างประเทศ และในประเทศแบบ One-Stop-Service ด้านผู้บริหารตั้งเป้าโตต่อเนื่อง 20-30% ในระยะ 3 ปี นำเงินระดมทุนใช้ขยายงาน
วานนี้ (10 พ.ย.) ราคาหุ้นของ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก โดยเปิดตลาดที่ราคาซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เปิดที่ระดับ 5.40 บาท เพิ่มขึ้น 3.60 บาท หรือ 200% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 1.80 บาท และปิดที่ราคา 5.40 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ว่า NCL มีมูลค่าที่เหมาะสมราว 1.7-2.2 บาท อ้างอิงจากคู่แข่งที่ทำธุรกิจเช่นเดียวกันใน mai คือ KIAT ซึ่งซื้อขายที่ PER ราว 19 เท่า และ PBV 2.5 เท่า โดยมองว่าธุรกิจการขนส่งเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงแม้ว่าจะมีการเปิด AEC เป็นปัจจัยบวกก็ตามแต่ด้วยอัตรากำไรสุทธิที่ค่อนข้างต่ำ จึงมองการขยายตัวของผลประกอบการในอนาคตไม่มากนัก
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส หรือ FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ NCL กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาเป้าหมายปี 58 ไว้ที่ 2.30 บาท จากค่า P/E 12 เท่า คาดทำให้รายได้ปี 58 โต 24% และกำไรสุทธิโต 47.6% ซึ่ง NCL เป็นผู้ให้บริการด้านลอจิสติกส์ครบวงจร รายได้ 85% มาจากบริการขนส่งทางเรือระหว่างประเทศไปยังจุดหมายปลายทาง
180 ประเทศทั่วโลก และอีก 14% มาจากการขนส่งในประเทศด้วยหัวรถลาก จุดเด่นคือ บริการที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงทั้งขนส่งระหว่างประเทศ และในประเทศแบบ One-Stop-Service ทำให้รายได้โตเฉลี่ย 20-25% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เงินที่ได้จาก IPO จะนำไปลงทุนซื้อหัวรถลากเพิ่มอีกเท่าตัว คืนหนี้บางส่วน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NCL กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 20-30% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2558-2560) โดยหลังจากได้เงินระดมทุนจากการขาย IPO จะนำไปขยายตลาดโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ โดยจะเน้นในกลุ่มประเทศอาเซียน รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อตั้งสำนักงาน
ในประเทศสิงคโปร์ คาดจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงต้นปีหน้า